บลจ.เอ็มเอฟซีมองกำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้เติบโตกว่า 17% หลังเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง พร้อมส่งกองทุน “เอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ พลัส ฟันด์” เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอหรือมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผล เปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้-6 กุมภาพันธ์ 2558
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากข้อมูลของสายบริหารกองทุนของเอ็มเอฟซีมองว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวระหว่าง 3.5-4% จากการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนคือแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ความเชื่อมั่นของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ดีขึ้น แรงกดดันด้านเงินเฟ้อมีน้อย เนื่องจากราคาน้ำมันและราคาอาหารไม่สูงนัก คาดว่าอัตราเงินเฟ้อปีนี้จะอยู่ในระดับต่ำระหว่าง 0.5-1%
สำหรับแนวโน้มตลาดในไตรมาสแรกของปีนี้นั้นมีแนวโน้มที่ดีจากปัจจัยคือ การดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางโดยเฉพาะจาก ECB และ BoJ ทำให้สภาพคล่องในระบบอยู่ในระดับสูง ด้านอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำจากราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้มีโอกาสที่ธนาคารกลางสามารถดำเนินนโยบายทางการเงินหรือออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐบาลจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ส่วนราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น และเป็นผลให้ต้นทุนในการผลิตหรือการดำเนินงานลดลง นอกจากนี้ กำไรของบริษัทจดทะเบียนปีนี้น่าจะเติบโตได้ร้อยละ 17 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
โดย บลจ.เอ็มเอฟซีกำลังเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ พลัส ฟันด์ (HI-DIV PLUS) ซึ่งมีกลยุทธ์ในการบริหารแบบ Active Management มุ่งหวังผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด SET High Dividend 30 Index กองทุนเปิด HI-DIV PLUS มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมออย่างน้อย 3 ปีย้อนหลัง และหรือมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลในอนาคตที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีแนวโน้มการเจริญเติบโตสูงในระยะปานกลางถึงระยะยาว โดยลงทุนเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝากธนาคาร ทั้งนี้กองทุนอาจลงทุนในตราสารอนุพันธ์ โดยเลือกลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures ในฐานะซื้อ (long position) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้เพิ่มขึ้น และในฐานะขาย (short position) เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในกรณีที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง
กองทุนเปิด HI-DIV PLUS เหมาะสำหรับผู้ที่คาดหวังผลตอบแทนค่อนข้างสูง เป็นการลงทุนระยะปานกลางถึงระยะยาวของนิติบุคคลและประชาชนทั่วไป โดยกองทุนดังกล่าวเสนอขายหน่วยลงทุนแล้วตั้งแต่วันนี้-6 กุมภาพันธ์ 2558