คอลัมน์รวยด้วยรัก...รวยด้วยหุ้น
โดย มนตรี ศรไพศาล
จากข่าวล่าสุดที่ ก.ล.ต.ได้ประกาศนโยบายเพิ่มเติม เรื่องการคุม “หุ้นร้อน” เมื่อวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า
ก.ล.ต.เพิ่มเกณฑ์คุมเข้มหุ้นเสี่ยงสูงต่อ สั่งปรับปรุงเกณฑ์คำนวณหลักทรัพย์ที่มีอัตราการซื้อขายหมุนเวียนสูง
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้ทำการปรับปรุงเกณฑ์คำนวณหลักทรัพย์ที่มีอัตราการซื้อขายหมุนเวียนสูง (Turnover List) เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการซื้อขายในปัจจุบัน โดยเริ่มใช้เกณฑ์ใหม่ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.นี้
การปรับปรุงดังกล่าวจะครอบคลุม
1. การไม่กำหนดจำนวนหลักทรัพย์ที่ติดเกณฑ์เทิร์นโอเวอร์ลิสต์ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) จากเดิมที่มีการกำหนดจำนวนไว้ และ
2. การเพิ่มเติมกรณีที่หุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ที่ติดเทิร์นโอเวอร์ลิสต์ ให้ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (Warrant) ของบริษัทนั้นติดเทิร์นโอเวอร์ลิสต์ควบคู่ไปด้วย รวมทั้ง
3. ปรับปรุงสูตรการคำนวณให้ไม่ซับซ้อน โดยยังคงให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับของเดิม
โดยเป็นเจตนา หวังจะกำกับดูแลให้ตลาดหลักทรัพย์ซื้อขายบนหลักของเหตุผล และ ปัจจัยพื้นฐาน ก็นับว่าเป็นเจตนาที่ดี หากจะดูว่ามีหุ้น “อภินิหาร” ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ และตลาด mai จำนวนไม่น้อย
...หุ้นบางหุ้น market cap 4,500 ล้านบาท เพิ่มจาก 800 ล้านเมื่อปลายปี และ 200 ล้านปีก่อนหน้า มียอดขายเพียง 30 ล้านบาทเท่านั้นในครึ่งปีแรก ขาดทุนมาตลอด 3 ปี
...หุ้นบางหุ้น market cap 12,000 ล้านบาท เพิ่มจาก 400 ล้านเมื่อปลายปี และ 100 ล้านปีก่อนหน้า มียอดขายเพียง 30 ล้านบาทเท่านั้นในครึ่งปีแรก ก่อนหน้านี้ก็ขาดทุนมา 2-3 ปี โดยเฉพาะหากไม่รวมรายได้อื่น
...หุ้นบางหุ้น market cap 24,000 ล้านบาท เพิ่มจาก 1,400 ล้านเมื่อปลายปี และ 700 ล้านปีก่อนหน้า มียอดขายเพียง 400 ล้านบาทเท่านั้นในครึ่งปีแรก ขาดทุนมาตลอด 3 ปี เช่นกัน และอื่นๆ อีกมากมาย
แต่เกณฑ์ก่อนหน้านี้มีการจำกัดจำนวนหุ้นที่จะติดเงื่อนไข Turnover List โดยเฉพาะใน mai ก่อนหน้านี้จะจำกัดเพียง 5 หุ้นเท่านั้น ผมได้เคยตั้งคำถามว่า “ในตลาด mai เคยประกาศหุ้น Turnover List เพียง 5 หุ้น ถ้าไม่จำกัดจะมีกี่หุ้น” ผมได้รับคำตอบว่า “บางสัปดาห์ถึง 50 หุ้น!” นับเป็นสภาวะลูกโป่งที่น่าระมัดระวัง โดยมีข้อมูลที่ผมสรุปเป็นรายงานต่อคณะกรรมการของผมว่า
ข้อสังเกตคือ ตั้งแต่ต้นปี ดัชนี mai ขึ้นไปแล้ว 122%! โดย ดัชนี SET ปรับตัวสูงขึ้นเพียง 28%
ตลาด mai มีพีอีเรโชสูงถึง 70 เท่า! แต่ ตลาด SET เพียง 18-19 เท่า
ตลาด mai มีราคาต่อมูลค่าทางบัญชีสูงถึง 6 เท่า! แต่ ตลาด SET เพียง 2 เท่า
การซื้อขายต่อวันของ mai อยู่ที่ 700 ล้านบาทในเดือนมกราคม แต่กลายเป็นกว่า 10,000 ล้านบาทในเดือนนี้!
ที่ผมเขียนนี้ ยังเห็นว่ามีหุ้นดีๆ ในตลาด mai ราคาสมเหตุผลอยู่พอสมควร แต่มีหุ้นที่ราคาเกินปัจจัยพื้นฐานไปมากแล้วก็ไม่น้อยทีเดียว
ท่านผู้อ่านครับ ย้อนไปสมัยปี 2008 หุ้น LIVE (2008) ตอนนั้น ทำให้ลูกค้าขาดทุนมากมาย ทำให้ market cap ตกจาก 20,000 ล้านบาท เหลือเพียง 200 ล้านบาท โดยหุ้นตกฟลอร์ 8 วันติด (2 วันเหลือครึ่งหนึ่ง 4 วันเหลือ 1 ใน 4) โบรกเกอร์ที่ปล่อยกู้หุ้นนั้นขาดทุน 1,000 ล้านบาท ลูกค้าต้องล้มละลาย... สมัยนี้ มีหุ้นอย่างนั้นนับสิบๆ หุ้น!
ตอนนั้น ที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ขณะนั้นเป็นเพียง บล.กิมเอ็ง) ผ่านพ้นมาได้ ด้วยการขอให้หุ้น LIVE อยู่ใน CASH BALANCE คือให้ลูกค้าที่สนใจซื้อชำระเงินเต็ม 100% ล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่ 2-3 ก็เป็นการปกป้องบริษัท ไม่ให้มีขาดทุนจากหนี้เสีย และช่วยเตือนให้ลูกค้ายั้งคิดก่อนลงทุนด้วย ทำให้ลดความเสียหายของลูกค้าไปได้มากทีเดียว
ดังนั้น การที่ ก.ล.ต. ซึ่งนำโดยท่านเลขาธิการ ดร.วรพล โสคติยานุรักษ์ กำหนดเงื่อนไขนี้สำหรับใช้กำกับการซื้อขายหุ้นไร้พื้นฐานนี้ ก็ถือว่าเป็นมาตรการที่จริงใจเพื่อปกป้องนักลงทุน ผู้มีพระคุณของเรา และเราทุกคนในวงการตลาดทุน ผมขอปรบมือให้กำลังใจด้วยใจจริงครับ
กติกานี้ จะถูกใช้ในช่วงประมาณอีก 1-2 สัปดาห์ ระหว่างนี้อาจเป็นช่วง “ปล่อยผี” ผมจึงอยากชวนให้นักลงทุน และเพื่อนๆ โบรกเกอร์ มีความระมัดระวังรอบคอบเป็นพิเศษ
หากท่านผู้อ่านยังคิดจะซื้อหุ้นเหล่านี้เพิ่มขึ้น ขอเตือนหน่อยครับว่า ท่านได้ดูปัจจัยพื้นฐานดีแล้วหรือ มั่นใจในอนาคตจริงหรือ มาตรการที่ออกมาจะทำให้หุ้นยิ่งเสี่ยงที่จะกลายเป็น “ลูกโป่งแตก” มากขึ้น
และ สำหรับเพื่อนๆโบรกเกอร์ หากมีลูกค้าที่มาเปิดบัญชีไม่เกิน 2 ปี อาจใช้หุ้น “อภินิหาร” มาสร้างกำลังซื้อ ขอวงเงิน แล้วจู่ๆ จะสั่งซื้อหุ้น “อภินิหาร” อีก ลองนึกภาพว่า ลูกค้าต้องชำระเงินใน 3 วัน โดยซื้อแต่หุ้น “อภินิหาร” และหลักประกันก็มีแต่หุ้น “อภินิหาร” ก็อาจสร้างความเสียหายให้แก่บริษัท และตลาดทุนของเราครับ
มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com; www.oknation.net/blog/richwithlove; @montrees)