xs
xsm
sm
md
lg

“ก.ล.ต.” เพิ่มเกณฑ์คุมเข้มหุ้นเสี่ยงสูง พร้อมสั่งปรับปรุงเกณฑ์คำนวณหลักทรัพย์ที่มีอัตราการซื้อขายหมุนเวียนสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ก.ล.ต.” เพิ่มเกณฑ์คุมเข้มหุ้นเสี่ยงสูง พร้อมสั่งปรับปรุงเกณฑ์คำนวณหลักทรัพย์ที่มีอัตราการซื้อขายหมุนเวียนสูง เพื่อให้สอดคล้องต่อสภาพการซื้อขายหุ้นในปัจจุบันได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น ป้องกันความเสี่ยง หรือผลกระทบจากการลงทุนในหุ้นที่ติดเทิร์นโอเวอร์ลิสต์ และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในการใช้ข้อมูล

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ทำการปรับปรุงเกณฑ์คำนวณหลักทรัพย์ที่มีอัตราการซื้อขายหมุนเวียนสูง (Turnover List) เพื่อให้สอดคล้องต่อสภาพการซื้อขายในปัจจุบัน โดยเริ่มใช้เกณฑ์ใหม่ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.นี้

การปรับปรุงดังกล่าวจะครอบคลุม 1.การไม่กำหนดจำนวนหลักทรัพย์ที่ติดเกณฑ์เทิร์นโอเวอร์ลิสต์ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) จากเดิมที่มีการกำหนดจำนวนไว้ และ 2.การเพิ่มเติมกรณีที่หุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่ติดเทิร์นโอเวอร์ลิสต์ ให้ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (Warrant) ของบริษัทนั้น ติดเทิร์นโอเวอร์ลิสต์ ควบคู่ไปด้วย รวมทั้ง 3.ปรับปรุงสูตรการคำนวณให้ไม่ซับซ้อน โดยยังคงให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับของเดิม

สำนักงาน ก.ล.ต. ได้จัดทำเทิร์นโอเวอร์ลิสต์ สำหรับเป็นข้อมูลแก่ผู้ลงทุนในการประกอบการตัดสินใจลงทุน และให้บริษัทหลักทรัพย์ใช้เป็นข้อมูลสำหรับบริหารความเสี่ยงมาตั้งแต่ปี 2547 เนื่องจากตลาดทุนไทยมีการพัฒนา และเติบโตขึ้นมาก

นายวรพล กล่าวต่อว่า การปรับปรุงสูตรคำนวณเทิร์นโอเวอร์ลิสต์ ครั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องต่อสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ในปัจจุบันได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น ป้องกันความเสี่ยง หรือผลกระทบจากการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ติดเทิร์นโอเวอร์ลิสต์ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในการใช้ข้อมูล ซึ่ง ก.ล.ต. มุ่งหวังให้ผู้ลงทุนมีความรู้ มีข้อมูลใช้อย่างถูกต้องเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยจะเริ่มใช้เกณฑ์คำนวณเทิร์นโอเวอร์ลิสต์ ใหม่นี้ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป

ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งรายชื่อหลักทรัพย์ที่สมาชิกต้องดำเนินการให้ลูกค้าวางเงินสดไว้ล่วงหน้ากับสมาชิกเต็มจำนวนที่จะซื้อ (Cash Balance) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.-26 ธ.ค.2557 ประกอบด้วย บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) บริษัท เอฟโวลูชั่น แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) บริษัทแมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) บริษัท วินเทจ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) ใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ ของบริษัท วินเทจ วิศวกรรมจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1

นอกจากนี้ ขยายช่วงดำเนินการแคชบาลานซ์ วันที่ 17 พ.ย.-21 พ.ย.2557 ในหลักทรัพย์ของบริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) บริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
กำลังโหลดความคิดเห็น