“เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป” เตรียมเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน และเข้าจดทะเบียนใน SET กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ปัจจุบันยื่นไฟลิ่งเรียบร้อยแล้ว โดยแต่งตั้ง “เมย์แบงก์ กิมเอ็ง” เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย เพื่อเสนอขาย IPO 700 ล้านหุ้น นำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายธุรกิจ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ด้านกรรมการผู้จัดการเผยอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. คาดหวังเข้าจดทะเบียนใน SET ได้ภายในต้นปีหน้า
นายสมบูรณ์ วงศ์รัศมี กรรมการผู้จัดการ บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาศูนย์การค้าส่งและค้าปลีก รวมทั้งบริหารพื้นที่ค้าส่งและค้าปลีกให้เช่าเพื่อการพาณิชย์และธุรกิจโรงแรม กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) และยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของ ก.ล.ต. โดยได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย
“บริษัทฯมีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกจำนวน 700 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ สำหรับวัตถุประสงค์ของการระดมทุนเพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป และเข้าทำการซื้อขายได้ภายในต้นปี 2558 ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2557 เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป มีธุรกิจศูนย์แฟชั่นค้าส่งที่เปิดดำเนินการแล้วจำนวน 1 แห่ง คือโครงการศูนย์แฟชั่นค้าส่ง เดอะ แพลทินัม แฟชั่นมอลล์ และธุรกิจโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 1 แห่ง คือโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำ นอกจากนี้ บริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทย่อย 3 บริษัท โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ได้แก่ บริษัท เดอะ แพลทินัม มาร์เก็ต จำกัด, บริษัท เดอะ แพลทินัม พลาซ่า จำกัด, เดอะ แพลทินัม สมุย จำกัด และมีบริษัทร่วม จำนวน 1 บริษัท คือ บริษัท แบงคอก สกายไลน์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัด ส่วนร้อยละ 49.90”
โดยในปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 2,800 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้นสามัญ จำนวน 2,800 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท มีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 2,100 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญ จำนวน 2,100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มเป็น 2,800 ล้านบาท โดยมีกลุ่มครอบครัวโชติจุฬางกูร เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ถือหุ้นสัดส่วนรวมทั้งสิ้นร้อยละ 77.82 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว และลดลงเป็นร้อยละ 58.36 ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO
“ที่ผ่านมา เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และมีความก้าวหน้าทางธุรกิจมาโดยตลอด วันนี้เรามีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทขนาดใหญ่ และเชื่อมั่นว่าตลาดทุนจะเป็นแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมที่สุดที่จะช่วยสนับสนุนบริษัทให้ขยายฐานธุรกิจได้ตามแผนงานวางไว้อย่างต่อ เนื่องและรวดเร็ว”
ด้าน นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายของบริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป อยู่ระหว่างกระบวนการในการพิจารณาอนุมัติคำขอเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนทั่วไปของสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งคาดว่าจะทำการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประมาณภายในต้นปีหน้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาอนุมัติคำขอเสนอขายหลักทรัพย์ของสำนักงาน ก.ล.ต.
“แพลทินัม เป็นศูนย์ค้าส่งสินค้าแฟชั่นที่ครบวงจรและเป็นที่รู้จักของกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง และมีโรงแรมภายใต้การบริหารของกลุ่ม Accor คือ โนโวเทล กรุงเทพฯ แพลทินัม โดยที่ผ่านมา ได้มีการปรับโครงสร้างของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อช่วยให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงแหล่งทุนที่มีต้นทุนต่ำลงเพื่อ ใช้ระดมทุนในการขยายโครงการในอนาคต ทั้งโรงแรม และศูนย์การค้าปลีกสำหรับโครงการในอนาคตที่จะพัฒนาเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการ เดอะ มาร์เก็ต บาย แพลทินัม ซึ่งจะดำเนินการผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท เดอะ แพลทินัม มาร์เก็ต จำกัด นอกจากนี้ ยังมีโครงการโรงแรม ได้แก่ โรงแรม Holiday Inn Express โรงแรมระดับ 3 ดาว และโรงแรม Holiday Inn Resort โรงแรมระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่บนที่ดินเปล่าริมหาดที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจะดำเนินการผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท เดอะ แพลทินัม สมุย จำกัด และจะสามารถเริ่มเปิดดำเนินการได้ในช่วงปลายปี 2560 และ 2561 ตามลำดับ คาดว่าโครงการในอนาคตดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 8,200 ล้านบาท (7,000 ล้านบาท สำหรับโครงการ เดอะ มาร์เก็ต บาย แพลทินัม และ 1,200 บาท สำหรับโครงการโรงแรมทั้ง 2 แห่ง บนเกาะสมุย) โดยใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดบริษัทฯ และกู้เงินจากสถาบันการเงินรวมทั้งเงินที่จะระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชน”
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการจัดโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสมซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่จะสนับสนุนภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่องไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2557 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 307.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.8 ล้านบาท หรือ 8.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 282.7 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของรายได้ธุรกิจพื้นที่เช่า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่มีความมั่นคง โครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัทประกอบด้วย รายได้ค่าเช่า และบริการ 206.3 ล้านบาท รายได้จากการประกอบกิจการโรงแรม 40.2 ล้านบาท รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่ม 47.2 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 13.8 ล้านบาท ขณะเดียวกัน กำไรขั้นต้นของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 163.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.9 ล้านบาท หรือ 18% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับ 138.6 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 80.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.1 ล้านบาท หรือ 44.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับ 55.8 ล้านบาท การเติบโตของกำไรสุทธิเป็นผลมาจากกำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ พยายามควบคุมค่าใช้จ่ายทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ ในปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทย่อยทั้งสิ้น 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท เดอะ แพลทินัม มาร์เก็ต จำกัด, บริษัท เดอะ แพลทินัม พลาซ่า จำกัด และบริษัท เดอะ แพลทินัม สมุย จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ถือหุ้นในบริษัทร่วม 1 บริษัท คือ บริษัท แบงคอก สกายไลน์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 49.90