xs
xsm
sm
md
lg

Money Guru : การสร้างความมั่งคั่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์MONEY GURU
โดย ชาญวุฒิ รุ่งแสงมนูญ   
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตราสารหนี้ต่างประเทศ
charnwut@mfcfund.com    

ประเทศไทยอยู่ในภูมิภาคเอเชียที่มีเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราสูงกว่าเศรษฐกิจโลกโดยเฉลี่ย ทำให้ไทยมีโอกาสสะสมความมั่งคั่ง ในขณะที่โครงสร้างทางประชากรกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมของผู้สูงอายุ (Aging society) เราจึงมีความจำเป็นที่ต้องสร้างความมั่งคั่ง เพื่อให้มีหลักประกันทางการเงินที่มั่นคงเพียงพอที่จะดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ
    
ความมั่งคั่งวัดจากมูลค่าของสินทรัพย์สุทธิ หรือจากสินทรัพย์รวมหักออกด้วยหนี้สิน แนวทางสร้างมั่งคั่งมีขั้นตอนเริ่มจากการวางแผนการออม การบริหารค่าใช้จ่ายและหนี้สิน การบริหารสินทรัพย์เพื่อเพิ่มรายได้
    
การวางแผนการออม : กำหนดเป้าหมายการออม เช่น เก็บออมเผื่อใช้ในยามฉุกเฉิน ออมเพื่อเป้าหมายส่วนบุคคลระยะสั้น เช่น ผ่อนรถยนต์ เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือเพื่อเป้าหมายระยะยาว เช่น ซื้อบ้าน การศึกษาบุตรหลาน ไว้ใช้หลังเกษียณ การวางแผนควรกำหนดเป้าหมายไว้ชัดเจน และปฏิบัติได้จริง ได้แก่ ต้องการเงินเท่าไหร่ จะออมจากรายได้ส่วนใด ใช้เวลาเท่าไรจึงบรรลุจุดหมาย
    
การบริหารค่าใช้จ่ายและหนี้สิน  : ไม่ว่ามีรายได้มากหรือน้อย หากเราบริหารให้มีรายจ่ายน้อยกว่ารายได้ เราก็มีเงินเก็บออม การกำหนดงบประมาณเป็นวิธีหนึ่งในการควบคุมการใช้จ่าย คือ การบังคับให้มีนิสัย “คิดก่อนซื้อ” และใช้จ่ายตามงบที่วางไว้ ในส่วนของการบริหารหนี้สิน ลดภาระหนี้สิน โดยหยุดก่อหนี้ใหม่ ตัดใจขายสินทรัพย์บางอย่างออกไปเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ และปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย หากพยายามทุกทางแล้วยังไม่สามารถปลดหนี้ได้ การปรับโครงสร้างหนี้อาจเป็นตัวช่วยได้ เช่น รีไฟแนนซ์ให้ได้เงื่อนไขที่ดีกว่าสินเชื่อเดิม ได้ดอกเบี้ยลดลง หรือเลื่อนการชำระ
    
การออม : วิธีการออมที่ใช้ได้ผล คือ การกันค่าใช้จ่ายเพื่อการออมการลงทุนไว้ทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ หากเราทำอย่างสม่ำเสมอก็สามารถมีเงินล้านได้ ตัวอย่างเช่น หากเราออมเดือนละ 8,000 บาท เป็นเวลา 25 ปี โดยได้ดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี เงินดังกล่าวเพิ่มพูนเป็น 3,568,063 บาท
    
การลงทุนเพิ่มรายได้ : เพื่อให้มีความมั่งคั่งเพียงพอ เราอาจจำเป็นต้องลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นสามัญ เพื่อให้เงินลงทุนเพิ่มทวีคูณ แม้ว่าการลงทุนสินทรัพย์ดังกล่าวอาจมีความผันผวนสูงในระยะสั้น แต่ให้จะผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ตัวอย่างเช่น ดัชนีหุ้นไทย SET50 มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่รวมเงินปันผลสูงถึงร้อยละ 16.96 ต่อปี (นับตั้งแต่ปี 2002-ปัจจุบัน)  หากเราเริ่มต้นลงทุนเป็นประจำทุกเดือน เดือนละ 8,000 บาทในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนร้อยละ 12 ต่อปี มูลค่าของการลงทุนดังกล่าวเพิ่มเป็น 15,030,773 บาทภายในเวลา 25 ปี  ดังนั้น หากเราวางเป้าหมายความมั่งคั่ง และเริ่มลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ เราน่าจะบรรลุเป้าหมาย และสามารถดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพที่ดี อีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุนคือ เราสามารถเริ่มต้นการลงทุนผ่านกองทุนรวม LTF และ RMF อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นการลงทุนในหุ้นระยะยาว และยังได้สิทธิลดหย่อนภาษีอีกด้วย
    
นอกจากนี้ หากต้องการลดความผันผวนโดยรวมของการลงทุน เราควรกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ทั้งหุ้น และตราสารหนี้  หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน และบริหารความเสี่ยงตลาดในระยะสั้น เราอาจต้องปรับแผนการลงทุนให้สอดรับต่อสถานการณ์ตลาด เช่น ลดการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในยามที่ตลาดผันผวน และกลับเข้าลงทุนเมื่อตลาดเข้าสู่ภาวะปกติ  อย่างไรก็ตาม  การกระทำดังกล่าวจำเป็นต้องติดตามข้อมูลข่าวสาร วิเคราะห์สถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และปฏิบัติได้อย่างทันท่วงที  ซึ่งเราอาจเลือกที่จะลงทุนผ่านกองทุนรวมที่บริหารงานโดยมืออาชีพให้ทำหน้าที่ดังกล่าวแทน

    ////ความคิดเห็นและข้อความต่างๆ ในบทความนี้เป็นทัศนะของผู้เขียนเท่านั้น ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน   เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย////


กำลังโหลดความคิดเห็น