รัฐดันแผนปฏิรูปเศรษฐกิจ ปรับระบบภาษี-ลงทุนอินฟราฯ

ครม.เศรษฐกิจคาดเศรษฐกิจปีหน้าโต 4.5-5% เผยแผนปฏิรูปเศรษฐกิจรัฐบาล ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมปรับระบบภาษี

นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและทีม ครม.เศรษฐกิจ กล่าวว่า ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมาเสียโอกาสทางเศรษฐกิจไปมาก จากปัญหาทางการเมือง โดยตัวเลขเศรษฐกิจของครึ่งปีแรกที่ออกมาไม่ดีมาก แต่หลังจากมี คสช. เข้ามาปรากฏว่าตัวเลขเศรษฐกิจก็ยังไม่ดีขึ้นมาก เห็นได้จากตัวเลขการบริโภคที่ไม่เพิ่มขึ้นเพราะการปราบธุรกิจเถื่อนของ คสช. รวมไปถึงการท่องเที่ยวที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นเพราะยังมีการคงกฎอัยการศึกอยู่ ขณะที่ตัวเลขการส่งออกก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น และการตรวจสอบของภาครัฐที่ทำให้งบประมาณบางอย่างชะลอไป ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจึงยังไม่ได้ขยายตัวมาก

ทั้งนี้ มองว่าในระยะยาวแล้วเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงในด้านมหภาคมากขึ้นเพราะการปรับโครงสร้างที่ไม่ทันต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งยังมีปัญหาด้านอุปสงค์และอุปทาน โดยในเรื่องอุปทานขณะนี้ศักยภาพการผลิตไม่เพิ่มขึ้น แรงงานมีข้อจำกัดด้านความรู้ความสามารถ มีการลงทุนด้านความรู้ที่จำกัด และมีการแทรกแซงราคาสินค้าในตลาด
ขณะที่ด้านอุปสงค์มีปัญหาในเรื่องหนี้ครัวเรือนที่สูงเกินไปซึ่งอยู่ที่ระดับ 80-90% ดังนั้นรัฐบาลในขณะนี้จึงมีการดำเนินการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อแก้ปัญหา โดยพยายามแก้ปัญหาด้านอุปทานที่ต้องการให้ไม่มีการแทรกแซงราคาสินค้า เช่น ข้าว ยางพารา น้ำมัน และในด้านอุปสงค์ที่พยายามให้มีการลงทุนภาครัฐเพิ่มขึ้น ลดนโยบายประชานิยม และมีผลต่อเนื่องไปถึงการคลัง คือการปรับระบบภาษี ที่เก็บภาษีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น เช่น ภาษีมรดก

“การเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 58 จะกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณและกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ที่จะเข้ามาช่วยให้ GDP ปี 58 เติบโตได้ถึง 4.5-5% จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตไม่เกิน 2% เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยถูกฉุดด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น แต่หลังจากที่สถานการณ์การเมืองคลี่คลายลง การบริโภคของประชาชนกลับยังไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากทางภาครัฐฯ ได้มีการปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ทำให้เงินในส่วนนี้หายไปด้วย”

นายสุวิชญ โรจนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กล่าวว่า นโยบายการปฏิรูปของรัฐบาลในเบื้องต้นตอนนี้รัฐบาลจะเริ่มลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบก อย่างรถไฟความเร็วสูง ทางอากาศ ลงทุนสนามบิน และทางทะเล เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งรัฐบาลพยายามให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน อย่างเรื่องระบบภาษีที่เตรียมจะปรับขึ้นภาษีในเร็วๆ นี้

“การลงทุนในระบบคมนาคม ขนส่ง จากภาครัฐยังมีต่อเนื่อง ในระบบรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ และรถเมล์เอ็นจีวี เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลสนับสนุนและให้เอกชนและประชาชนทั่วไปเข้ามาลงทุนร่วมด้วย ผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน”