บลจ.ยูโอบีให้น้ำหนักลงทุนหุ้นไทยหลังความเชื่อมั่นการลงทุนและการบริโภคกลับคืนมา คาดหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 1,600 จุด และที่ระดับ 1,700 จุดในปีหน้า พร้อมแนะลงทุนหุ้นกลุ่มสุขภาพที่ให้ผลตอบแทนดีในระยะยาว
นางสาวศิริพรรณ สุทธาโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังคงฟื้นตัวเป็นอย่างดีโดยเฉพาะในสหรัฐฯ IMF ได้ประมาณการว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโต 3.4% ในปี 2557 และ 4.0% ในปี 2558 สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโตได้ 3% ในปี 2558 โดยการบริโภค ภาคที่อยู่อาศัย และการจ้างงานที่ดีขึ้นจะเป็นปัจจัยหลักในการฟื้นตัว มาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะสิ้นสุดลงในปลายปีนี้แต่ดอกเบี้ยนโยบายคงจะอยู่ในระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่ง
ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนและญี่ปุ่นคาดว่าจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป และธนาคารกลางของทั้ง 2 ภูมิภาคนี้จะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง ปัญหาการว่างงานที่ยังสูงในยุโรปจะยังเป็นปัจจัยกดดันต่อการฟื้นตัวของการใช้จ่ายผู้บริโภคในยุโรป ด้านเศรษฐกิจจีนนั้น คาดว่าจะยังเติบโตประมาณ 7.1% ในปีหน้าตามเป้าหมายของรัฐบาลที่เน้นการเติบโตที่มีเสถียรภาพ ถึงแม้ราคาหุ้นจีนจะไม่แพงแต่ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในระดับสูงและปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ในภาคการเงินของจีนยังคงเป็นปัจจัยส่งผลกระทบต่อการลงทุนในหุ้นจีนเป็นระยะๆ
ด้านเศรษฐกิจไทยคาดว่าในปีนี้จะโติบโตอยู่ที่ 1.5% และเติบโตที่ระดับ 5% ในปีหน้า โดยปัจจัยจัยหนุนมาจากความมั่นใจการบริโภคที่กลับมา รวมทั้งการลทุนจากภาคเอกชน และการลงทุนจากภาครัฐที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ดังนั้นในปีหน้าอาจเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 3 เป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยประมาณ 0.50-0.75%
ส่วนหุ้นไทยในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า บลจ.ยูโอบียังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้นไทย โดยเชื่อว่าดัชนีจะมีโอกาสเป็น up side ได้อีก 50 จุด จากระดับ 1,590 จุดในปัจจุบัน หรือปรับขึ้นไปสูงกว่า 1,600 จุดในช่วงสิ้นปีนี้ และคาดว่าในปีหน้าดัชนีอาจไปถึงระดับ 1,700 จุดได้ โดยปัจจัยบวกสำคัญมาจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับจากมาตรการต่างๆ รวมถึงการลงทุนภาครัฐที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะจูงใจให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ที่ปัจจุบันยังมีสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าแม้ขณะนี้ดัชนี SET Index ที่ปรับบวกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่หลังวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแพงแล้ว แต่หากมองทิศทางผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็เชื่อว่ามีทิศทางการเติบโตที่สอดคล้องกัน ดังนั้น จึงน่าจะสนับสนุนให้ดัชนีไปต่อได้ แต่ในระยะสั้นอาจจะเคลื่อนไหวไม่หวือหวามากนัก
“หลังจากนี้ บลจ.ยูโอบียังเชื่อว่าขณะนี้ยังมีนักลงทุนต่างชาติบางส่วนกำลังพิจารณาพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยว่าจะตัดสินใจกลับมาลงทุนอีกครั้งหรือไม่ หลังจากมีการประกาศนโยบายใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากนโยบายต่างๆ เหล่านี้เห็นผลจริง และสะท้อนถึงการเติบโตของเศรษฐกิจปีหน้าที่กลับมาฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น ก็เชื่อว่าจะมีเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น”
โดยหุ้นในกลุ่มที่น่าสนใจ บลจ.ยูโอบียังคงมองเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายในประเทศ การลงทุนของภาครัฐ รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และแม้ที่ผ่านมาราคาหุ้นในกลุ่มเหล่านี้จะขยับขึ้นมาสูงแล้ว และก็ยังมีโกรทอยู่
นอกจากนี้ยังแนะนำด้วยว่า นอกจากมุมมองที่เป็นบวกต่อการลงทุนในหุ้นไทยแล้ว ยังแนะนำให้กระจายน้ำหนักการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วด้วย เช่นญี่ปุ่น ซึ่งราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้อีกเนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว บลจ.ยูโอบีได้นำเสนอการลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจบริการด้านสุขภาพ (Healthcare) เนื่องจากธุรกิจนี้ยังคงขยายตัวต่อเนื่องและสอดคล้องกับแนวโน้มในอนาคตที่คนจะมีอายุยืนขึ้นและมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสุขภาพสูงขึ้นตาม ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ในธุรกิจนี้จะเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ