แนะลงทุนต่างประเทศ บลจ.ล็อกเป้ายุโรป-ไต้หวัน

บลจ.แนะกระจายลงทุนต่างประเทศ แอสเซทพลัสหนุนลงทุนยุโรป ระบุระยะสั้นได้รับอานิสงส์จากการลดดอกเบี้ย ขณะที่ทิสโก้แนะเพิ่มน้ำหนักหุ้นไต้หวัน เชื่อเศรษฐกิจขยายตัวมากขึ้นหลังสหรัฐฯ ฟื้นตัว

บลจ.แอสเซทพลัสประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของยุโรปหนุนหุ้นเติบโต คาดระยะสั้นจะได้ปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายทางการเงินของ ECB ล่าสุดจ่าย Auto redemption กองทุน ASP-STARS8 ครั้งที่ 1 เป็นเงิน 0.50 บาทต่อหน่วยลงทุน เตรียมพร้อมส่งกองทุนใหม่ลุยยุโรปเร็วๆ นี้

นายรัชต์ โสดสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า จากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.05% ซึ่งต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ และตลาดคาดการณ์ว่า ECB อาจจะออกนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพิ่มเติมอีก ในเดือนตุลาคม ประกอบกับปัญหาความขัดแย้งในยูเครนเริ่มคลี่คลายลงหลังจากมีข้อตกลงหยุดยิงระหว่างยูเครน-รัสเซีย ปัจจัยดังกล่าวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรป และส่งผลดีต่อตลาดหุ้นยุโรปและกองทุนที่ลงทุนในหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น รวมถึงกองทุนภายใต้การบริหารของ บลจ.แอสเซท พลัส

ทั้งนี้ มุมองการลงทุน บลจ. แนะนำให้ Overweight ตลาดหุ้นยุโรป โดยคาดว่าในระยะสั้นจะได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพิ่มเติมของ ECB ส่วนในระยะยาวการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการนโยบายการเงินผ่อนคลาย

ด้านนายคมศร ประกอบผล นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส ทิสโก้ เวลธ์ เปิดเผยว่า บริษัทมีมุมมองเป็นบวกและแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเหนือ ซึ่งประกอบด้วย จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีใต้ อย่างต่อเนื่อง หลังสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งตลาดหุ้นเอเชียเริ่มปรับตัวขึ้นและ Outperform กว่าตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้วในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

นอกจากนี้ TISCO Wealht ยังแนะนำกลยุทธ์การลงทุนด้วยการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน “ตลาดหุ้นไต้หวัน” เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดหุ้นที่มีความน่าสนใจลงทุนมากยิ่งขึ้นในขณะนี้ โดยเศรษฐกิจของไต้หวันได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ ที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และแนวโน้มการแข็งค่าของเงินดอลลาร์

โดยตลาดหุ้นไต้หวันมีสัดส่วนรายได้จากประเทศพัฒนาแล้วสูงถึง 50% สูงสุดในกลุ่มประเทศเอเชียทั้งหมด และมีส่วนที่เป็นรายได้จากสหรัฐฯ ถึง 25% ของรายรับทั้งหมด

“เศรษฐกิจไต้หวันได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว และได้ผลกระทบที่จำกัดหากธนาคารกลางสหรัฐฯ มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ จากการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ในกลุ่มไอที ยังเป็นส่วนช่วยให้ผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไต้หวันมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย” นายคมศรกล่าว