บลจ.กสิกรไทยเปิดขายกองต่างประเทศลุยลงทุนอสังหาฯ ทั่วโลก เผยกองทุนหลักผลงานแจ่มติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก และมีผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีถึง 15.7% ต่อปี เน้นลงทุนกองทรัสต์และหุ้นหมวดอสังหาฯ ทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฮ่องกง เป็นต้น ระบุแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฟื้นต่อเนื่อง ดันความต้องการอสังหาริมทรัพย์โตจึงทำให้เหมาะแก่การลงทุน
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 2-8 กันยายน 2557 บลจ.กสิกรไทย เตรียมเสนอขายกองทุนเปิดเค โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ หุ้นทุน (K-GPROP) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท โดยกองทุน K-GPROP จะนำเงินไปลงทุนผ่านกองทุนหลัก คือ Morgan Stanley Investment Funds Global Property, Class I ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน ซึ่งบริหารจัดการโดย Morgan Stanley Investment Management หนึ่งในบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลก ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการกว่า 12.8 ล้านล้านบาท (4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
นอกจากนี้ กองทุนหลักยังเป็นกองทุนที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก (เฉพาะในกลุ่ม Global Property - Indirect Global) และยังมีผลการดำเนินงานที่น่าสนใจ โดยกองทุนหลักมีผลการดำเนินงานย้อนหลังในรอบ 5 ปีเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15.70% ต่อปี
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนหลักนั้นจะกระจายการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และหุ้นในหมวดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น ฮ่องกง ฯลฯ ซึ่งประกอบด้วยบริษัทชั้นนำด้านอสังหาริมทรัพย์ของโลก เช่น บริษัท Simon Property Group ซึ่งเป็นกอง REITs ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และมีอสังหาริมทรัพย์กว่า 300 แห่งทั่วประเทศ โดยดำเนินธุรกิจค้าปลีก หรือห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ด้วยพื้นที่ให้เช่ากว่า 241 ล้านตารางฟุต ภายใต้ชื่อแบรนด์ต่างๆ เช่น Simon Malls, Premium Outlets, The Galleria เป็นต้น, บริษัท Mitsubishi Estate ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่นในเครือ Mitsubishi ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งอาคารสำนักงาน ชอปปิ้งเซ็นเตอร์ ที่พักอาศัย โรงแรม ทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น, บริษัท Land Securities ซึ่งเป็นกอง REITs ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษ โดยดำเนินธุรกิจทั้งออฟฟิศสำนักงาน ชอปปิ้งเซ็นเตอร์ รวมถึงโรงแรมในเครือ Accor เช่น Novotel, IBIS
ทั้งนี้ กองทุนจะเน้นการบริหารงานแบบเชิงรุกโดยทีมงานจัดการลงทุน มีสำนักงานกระจายอยู่ในหลายภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ทำให้มีความเข้าใจในสภาวะตลาดและสามารถพิจารณาปรับน้ำหนักการลงทุนตามปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ของในแต่ละภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกองทุน K-GPROP เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว โดยสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับค่อนข้างสูง รวมถึงเชื่อมั่นในการเติบโตและขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก
สำหรับมุมมองต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก นายนาวินกล่าวว่า เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าตัวเลข GDP ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกจะสามารถขยายตัวเป็นบวกได้ในปี 2558 และจะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปี 2559 ซึ่งจะส่งผลทำให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ เมื่อย้อนกลับไปในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ใหม่ได้ชะลอตัวลง ทำให้ปริมาณการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในปัจจุบันยังเติบโตไม่ทันและไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับความต้องการอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จึงส่งผลบวกต่อราคาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงอัตราการเช่าและค่าเช่าให้ปรับตัวสูงขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองถึงวัฏจักรการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันถือว่ายังอยู่ในระยะของการเติบโต หรือเป็นช่วงต้นของการฟื้นตัว จึงมองว่าในอนาคตมีแนวโน้มที่ภาคอสังหาริมทรัพย์จะยังคงสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การที่กองทุนหลักมีการลงทุนในหุ้นของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะได้รับประโยชน์ และมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของตลาดหุ้นใหญ่ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่นด้วย