ในสังคมปัจจุบันที่มีเงินเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนนั้น ทำให้เราจำเป็นต้องทำงานหาเงิน คนจำนวนไม่น้อยทำงานอย่างหนัก เลิกงานดึก เอางานกลับไปทำต่อที่บ้านในวันหยุด แน่นอนว่าการทำงานหนักเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ซึ่งนำไปสู่รายได้ที่สูงขึ้น แต่มันก็แลกมาด้วยสุขภาพที่เสื่อมลง การเจ็บป่วย ค่ารักษาพยาบาล รวมถึงระยะเวลาที่สั้นลงที่เราจะได้อยู่ดูแลคนที่เรารัก คำถามคือ มันคุ้มหรือไม่? ในวันนี้จึงอยากเชิญชวนพวกเรา ให้นำสิ่งที่เราทำงานอย่างหนักเพื่อหามันมา นั่นคือ “เงิน” มาทำงานหาเงินให้เราบ้าง
สำหรับผู้ที่สนใจอยากเริ่มต้นที่จะลงทุน แนะนำให้เราเริ่มต้นที่ “การลงทุนผ่านกองทุนรวม” ทำไมต้องกองทุนรวม? เหตุผลหลักก็คือ การมีผู้เชี่ยวชาญคอยช่วยเหลือในการนำเงินของเราไปลงทุน และช่วยติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้แก่พวกเรา ที่โดยทั่วไปก็ต้องทำงานประจำ และอาจไม่มีความเชี่ยวชาญทางการเงินโดยตรง ประกอบกับไม่มีเวลามากนักในการวิเคราะห์และติดตามข่าวสารต่างๆ นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุนรวมก็สามารถทำได้ผ่านช่องทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางที่เราคุ้นเคยอย่างธนาคาร ช่องทางที่สะดวกและทันสมัยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และการซื้อขายผ่านทางโทรศัพท์
เอาล่ะ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การเริ่มต้น” ซึ่งอาจดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย เนื่องจากธรรมชาติคนเรานั้นไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เราอาจจะกังวลว่า “การลงทุนมันมีความเสี่ยง” เราอาจจะสูญเสียเงินเก็บทั้งหมดของเรา แน่นอนว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง แต่เราเลือกที่จะ “วิ่งหนี” หรือ “จัดการ” กับความเสี่ยงเพื่อโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น หากเลือกที่จะจัดการกับความเสี่ยงแต่ยังไม่คุ้นเคยกับมัน วิธีเบื้องต้นที่ขอนำเสนอ คือ “เริ่มต้นด้วยการลงทุนเพียงเล็กน้อย”
ถัดมาคือ เราควรเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวมอะไร กองทุนรวมนั้นมีมากมายหลายประเภท เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมหุ้น รวมถึงกองทุนรวมทองคำ และน้ำมัน ซึ่งกองทุนเหล่านี้จะมีความเสี่ยงที่ต่างกัน สำหรับผู้ที่เริ่มต้นลงทุนนั้นควรที่จะเริ่มต้นในกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำแต่มีความมั่นคงของเงินต้นสูง เช่น “กองทุนรวมตลาดเงิน หรือกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น” โดยวัตถุประสงค์หลักนั้นก็เพื่อป้องกันเงินเฟ้อ รักษาเงินต้น นั่นเอง
หากจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้น สำหรับ บลจ.ทหารไทยนั้น เราเชื่อว่า “กองทุนเปิดทหารไทยธนพลัส” เป็นกองทุนที่เหมาะสมกับการเริ่มต้นลงทุน โดยกองทุนนี้เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ซึ่งจากสัดส่วนในการลงทุนในเดือน มี.ค. 2557 นั้น เงินส่วนใหญ่กว่า 43% ก็อยู่ในรูปของเงินฝากธนาคารที่พวกเราคุ้นเคย ที่เหลือเป็นการลงทุนในพันธบัตรที่มีระยะเวลาลงทุนที่ยาวนานขึ้น ประกอบกับ กองทุนเปิดทหารไทยธนพลัส นั้นสามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ และมีการคำนวณผลตอบแทนให้ทุกวัน ซึ่งหากเราไม่สบายใจในการลงทุน หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงิน เราสามารถขายกองทุนได้ทุกวันทำการ (ได้รับเงินวันทำการถัดไป ของการขายกองทุน)
โดยสรุปแล้ว สำหรับผู้ที่เริ่มต้นลงทุนนั้น แนะนำให้ลงทุนกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่าง “กองทุนเปิดทหารไทยธนพลัส” และลงทุนด้วย “เงินลงทุนเพียงเล็กน้อย” เพื่อเป็นการศึกษาว่า การลงทุนในกองทุนรวมเป็นอย่างไร รวมถึงการคำนวณราคา และผลตอบแทนเป็นอย่างไร
สุดท้ายนั้น การทำงานหนัก แม้ว่าจะช่วยให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จในหน้าที่ การเงินมากขึ้น แต่มันก็แลกมาด้วยสุขภาพ เงินทอง และเวลาที่เราสูญเสีย การลงทุนจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการสร้างผลตอบแทนให้เรา แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนนั้นมีความเสี่ยงเสมอ แต่ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่เราสามารถจัดการได้ ถ้าเรารู้วิธี... ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำเพิ่มเติมและสม่ำเสมอ ก็คือ “การแสวงหาความรู้เพิ่มเติม” ในท้ายที่สุดนี้ ขอยกตัวอย่างวาทะของ Warren Buffett ที่เคยกล่าวถึงความเสี่ยงไว้ว่า “Risk comes from not knowing what you’re doing” หรือ “ความเสี่ยง เกิดจากการที่เราไม่รู้ตนเองว่ากำลังทำอะไรอยู่”
สำหรับผู้ที่สนใจอยากเริ่มต้นที่จะลงทุน แนะนำให้เราเริ่มต้นที่ “การลงทุนผ่านกองทุนรวม” ทำไมต้องกองทุนรวม? เหตุผลหลักก็คือ การมีผู้เชี่ยวชาญคอยช่วยเหลือในการนำเงินของเราไปลงทุน และช่วยติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้แก่พวกเรา ที่โดยทั่วไปก็ต้องทำงานประจำ และอาจไม่มีความเชี่ยวชาญทางการเงินโดยตรง ประกอบกับไม่มีเวลามากนักในการวิเคราะห์และติดตามข่าวสารต่างๆ นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุนรวมก็สามารถทำได้ผ่านช่องทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางที่เราคุ้นเคยอย่างธนาคาร ช่องทางที่สะดวกและทันสมัยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และการซื้อขายผ่านทางโทรศัพท์
เอาล่ะ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การเริ่มต้น” ซึ่งอาจดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย เนื่องจากธรรมชาติคนเรานั้นไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เราอาจจะกังวลว่า “การลงทุนมันมีความเสี่ยง” เราอาจจะสูญเสียเงินเก็บทั้งหมดของเรา แน่นอนว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง แต่เราเลือกที่จะ “วิ่งหนี” หรือ “จัดการ” กับความเสี่ยงเพื่อโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น หากเลือกที่จะจัดการกับความเสี่ยงแต่ยังไม่คุ้นเคยกับมัน วิธีเบื้องต้นที่ขอนำเสนอ คือ “เริ่มต้นด้วยการลงทุนเพียงเล็กน้อย”
ถัดมาคือ เราควรเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวมอะไร กองทุนรวมนั้นมีมากมายหลายประเภท เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมหุ้น รวมถึงกองทุนรวมทองคำ และน้ำมัน ซึ่งกองทุนเหล่านี้จะมีความเสี่ยงที่ต่างกัน สำหรับผู้ที่เริ่มต้นลงทุนนั้นควรที่จะเริ่มต้นในกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำแต่มีความมั่นคงของเงินต้นสูง เช่น “กองทุนรวมตลาดเงิน หรือกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น” โดยวัตถุประสงค์หลักนั้นก็เพื่อป้องกันเงินเฟ้อ รักษาเงินต้น นั่นเอง
หากจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้น สำหรับ บลจ.ทหารไทยนั้น เราเชื่อว่า “กองทุนเปิดทหารไทยธนพลัส” เป็นกองทุนที่เหมาะสมกับการเริ่มต้นลงทุน โดยกองทุนนี้เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ซึ่งจากสัดส่วนในการลงทุนในเดือน มี.ค. 2557 นั้น เงินส่วนใหญ่กว่า 43% ก็อยู่ในรูปของเงินฝากธนาคารที่พวกเราคุ้นเคย ที่เหลือเป็นการลงทุนในพันธบัตรที่มีระยะเวลาลงทุนที่ยาวนานขึ้น ประกอบกับ กองทุนเปิดทหารไทยธนพลัส นั้นสามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ และมีการคำนวณผลตอบแทนให้ทุกวัน ซึ่งหากเราไม่สบายใจในการลงทุน หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงิน เราสามารถขายกองทุนได้ทุกวันทำการ (ได้รับเงินวันทำการถัดไป ของการขายกองทุน)
โดยสรุปแล้ว สำหรับผู้ที่เริ่มต้นลงทุนนั้น แนะนำให้ลงทุนกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่าง “กองทุนเปิดทหารไทยธนพลัส” และลงทุนด้วย “เงินลงทุนเพียงเล็กน้อย” เพื่อเป็นการศึกษาว่า การลงทุนในกองทุนรวมเป็นอย่างไร รวมถึงการคำนวณราคา และผลตอบแทนเป็นอย่างไร
สุดท้ายนั้น การทำงานหนัก แม้ว่าจะช่วยให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จในหน้าที่ การเงินมากขึ้น แต่มันก็แลกมาด้วยสุขภาพ เงินทอง และเวลาที่เราสูญเสีย การลงทุนจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการสร้างผลตอบแทนให้เรา แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนนั้นมีความเสี่ยงเสมอ แต่ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่เราสามารถจัดการได้ ถ้าเรารู้วิธี... ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำเพิ่มเติมและสม่ำเสมอ ก็คือ “การแสวงหาความรู้เพิ่มเติม” ในท้ายที่สุดนี้ ขอยกตัวอย่างวาทะของ Warren Buffett ที่เคยกล่าวถึงความเสี่ยงไว้ว่า “Risk comes from not knowing what you’re doing” หรือ “ความเสี่ยง เกิดจากการที่เราไม่รู้ตนเองว่ากำลังทำอะไรอยู่”