xs
xsm
sm
md
lg

แอสเซทพลัสลุยจัดพอร์ตครึ่งปีหลัง แนะเพิ่มน้ำหนักกองทุนหุ้นเอเชีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.แอสเซท พลัส แนะนักลงทุนเพิ่มน้ำหนักลุยกองทุนหุ้นเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นญี่ปุ่น หุ้นจีน หรือหุ้นไทย คาดเงินลงทุนต่างชาติกำลังไหลกลับเข้ามาลงทุน พร้อมทั้งยังให้น้ำหนักหุ้นยุโรป มองระยะยาวจะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

นายรัชต์ โสดสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกตลาดหุ้นเอเชียค่อนข้าง Underperformed กว่าตลาดหุ้นอื่นๆ แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง ความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างฉับพลัน หรือ Hard landing ในจีนเริ่มลดลง ประกอบกับตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของจีนที่ 7.5% ส่งสัญญาณการขยายตัวของเอเชียที่ชัดเจน และ Valuation ตลาดที่ถูกกว่าตลาดอื่นๆ ทำให้เริ่มมี Flow เงินลงทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นจีนและเอเชียมากขึ้น นอกจากนี้ การที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นและค่าเงินดอลลาร์ไม่ได้แข็งค่าขึ้นตามการคาดการณ์ของตลาด ประกอบกับ Valuation ของหุ้นสหรัฐฯ ที่สูง จึงเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้เงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชีย และทำให้บริษัทฯ แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นเอเชีย
    
ทั้งนี้ บลจ.คาดว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจีน เช่น Mini Package หรือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะส่วนจะสามารถช่วยรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจจีนได้ รวมถึงมาตรการทางภาครัฐอื่นๆ ที่ประกาศใช้เพื่อช่วยพยุงภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการเงินในจีน โดยบริษัทฯ แนะนำ Overweight ลงทุนในหุ้นจีนสำหรับการลงทุนระยะยาว โดยอาจลงทุนใน กองทุนเปิดแอสเซทพลัสไชน่า (ASP-CHINA) ซึ่งเป็น Feeder fund ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน E.I. Sturdza Strategic China Panda Fund (กองทุนหลัก) ที่เน้นลงทุนในหุ้นธุรกิจจีนขนาดกลางที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง
    
ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศนโยบายปฏิรูประบบเศรษฐกิจซึ่งต้องติดตามผลในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลอาจใช้มาตรการคลังเพิ่มเติม เช่น ลดภาษีธุรกิจ หรือใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น รวมถึง Government Pension Investment Fund ที่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น   บริษัทฯ จึงแนะนำ Overweight ในหุ้นญี่ปุ่นหากเป็นการลงทุนระยะยาว โดยอาจลงทุนใน กองทุนเปิดแอสเซทพลัสนิปปอนโกรท (ASP-NGF) ที่เน้นลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น ผ่านกองทุน  Nippon Growth Fund บริหารจัดการโดย E.I. Sturdza Strategic Management Ltd  
    
ส่วนตลาดหุ้นไทย SET Index ปัจจุบันยืนอยู่เหนือระดับ 1,500 จุด ที่ระดับค่า P/E ratio ที่ประมาณ 15 เท่า สะท้อนถึงปัจจัยภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการเมืองที่ชัดเจนขึ้น และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศที่จะทยอยออกมา ทั้งนี้ ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของตลาดหุ้น และบริษัทจดทะเบียนไทย และ Valuation ที่อยู่ในระดับน่าสนใจลงทุน ทำให้มีโอกาสดึงเม็ดเงินลงทุนของต่างประเทศเข้ามาลงทุนได้ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้ SET Index ปรับตัวขึ้นเช่นกัน และแนะนำให้ Overweight ในหุ้นไทย โดยบริษัทฯ ขอแนะนำกองทุนรวมที่เน้นลงทุนหุ้นไทย เพื่อเป็นอีกทางเลือก ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสกำไรปันผล (ASP-GDF) และ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นไทย (ASP-THEQ)
    
ทั้งนี้ สำหรับ ตลาดหุ้นยุโรป ในระยะยาวการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้น ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าปีนี้ GDP ยุโรปจะเติบโตที่ 1.59% เพิ่มขึ้นจาก 0.13% ปีที่แล้ว (Bloomberg)  ซึ่งจะส่งผลให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนมีการเติบโต ประกอบกับ Valuation ของหุ้นที่ยังไม่แพง เป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุน อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นผู้ลงทุนจะต้องติดตามปัจจัยอื่นๆ เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปล่าสุดที่ส่งสัญญาณชะลอตัว ปัญหาภาคธนาคารในยุโรป และความไม่สงบในยูเครนและรัสเซีย ดังนั้น บริษัทฯ แนะนำให้น้ำหนักการลงทุนปานกลาง (Neutral) ในหุ้นยุโรป


กำลังโหลดความคิดเห็น