บลจ.แอสเซทพลัสเปิดขายกองหุ้นจีน (ASP-CHINA) ระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน-8 กรกฎาคมนี้ เน้นลงทุนหุ้นขนาดกลางในตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นหลัก มั่นใจเศรษฐกิจจีนไม่ทรุดในระยะเวลาอันสั้น แถมราคาถูกและมีผลตอบแทนดีกว่าหุ้นตลาดตะวันตก
นายรัชต์ โสดสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะทำการเสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสไชน่า (ASP-CHINA) ในระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน-8 กรกฎาคมนี้ โดยกองทุนนี้เป็นกองทุนหุ้นต่างประเทศประเภท Feeder fund ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน E.I. Sturdza Strategic China Panda Fund (กองทุนหลัก)
ทั้งนี้ กองทุนหลักจะเน้นลงทุนในหุ้นธุรกิจจีนขนาดกลางที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งมีสภาพคล่องและมีความโปร่งใสสูง โดยใช้เกณฑ์เลือกหุ้นตามโอกาสการเติบโต จากผู้จัดการกองทุนที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกและมีวิสัยทัศน์ต่อวงจรการเติบโตธุรกิจในจีนเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ กองทุน E.I. Sturdza Strategic China Panda Fund มีผลการดำเนินงานดีเด่นพิสูจน์ได้ในระยะยาว โดยนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2551 สิ้นสุด ณ พฤษภาคม 57 กองทุนหลักสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 16.24% ต่อปี* ขณะที่ดัชนี MSCI China Index อยู่ที่ 4.98% โดยปัจจุบันกองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เทคโนโลยีสารสนเทศ สาธารณูปโภค และอุตสาหกรรม
นายรัชต์กล่าวอีกว่า ในปีนี้เศรษฐกิจจีนเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.8 ในเดือนมิถุนายน แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้ นโยบายช่วยเศรษฐกิจของจีนที่ทยอยประกาศออกมาและผลการปฏิรูปทางเศรษฐกิจที่หากประสบผลสำเร็จจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นในระยะยาว โดยตลาดคาดหวังว่ารัฐบาลจะมีนโยบายการเงินหรือการคลังเพิ่มเติม หลังจากเริ่มทยอยประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาพยุงเศรษฐกิจ เช่น การลดภาษี เพิ่มการใช้จ่ายในการพัฒนาพื้นที่ย่านแม่น้ำแยงซี และขยายความช่วยเหลือทางการเงินให้แก่ผู้ส่งออก โดยจีนจะเร่งการลงทุนภาครัฐและลดค่าใช้จ่ายภาษีอุตสาหกรรมสาธารณูปโภค ดังนั้น โดยรวมบริษัทฯ เห็นว่าจังหวะนี้เป็นโอกาสในการเลือกหุ้นลงทุนรายตัวเนื่องจากยังมีระดับราคาน่าสนใจ
“ราคาของหุ้นจีนอยู่ในระดับที่ถูก ณ ระดับราคาตลาดปัจจุบัน เมื่อพิจารณาจากระดับ P/E ที่ประมาณ 8.4 เท่า และ P/B ที่ประมาณ 1.2 เท่า ทำให้ผลตอบแทนมีแนวโน้มที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดตะวันตก ตลาดคาดหวังว่ารัฐบาลจะมีนโยบายการเงินหรือการคลังเพื่อพยุงเศรษฐกิจ และยังคงมุมมองที่ดีต่อโอกาสการปฏิรูปทางเศรษฐกิจเริ่มเห็นผล โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะไม่ตกต่ำอย่างรวดเร็ว (No hard landing) และเห็นโอกาสเติบโตในกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ในจีน ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยีการสื่อสาร และกลุ่มธุรกิจเพื่อสภาพแวดล้อม และกลุ่มอื่นๆ ที่จะได้รับประโยชน์จากการปฎิรูปเศรษฐกิจ” นายรัชต์กล่าว