xs
xsm
sm
md
lg

เงินเริ่มกลับเข้าตลาดเกิดใหม่ บลจ.แนะเข้าลงทุน P/E ยังต่ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.มองตลาดเกิดใหม่ยังน่าสนใจ เงินเริ่มไหลเข้า เหตุราคาถูก ตลาดสะท้อนข่าวการลด QE ไปแล้ว ชี้ ศก.ยุโรปยังมีปัญหาหนักต้องฉีดเงินกระตุ้นต่อเนื่อง ด้าน ศก.ไทยเริ่มมีความเชื่อมั่น มองปีหลังจีดีพีโต 5%

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า  ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีทิศทางที่ดี เงินยังไหลเข้าไปลงทุนต่อเนื่อง แต่หากมองเรื่องการลงทุนแล้วจะเห็นว่ามีการเคลื่อนไหวเพราะการคาดการณ์ การมองการลงทุนในตลาดหุ้นตอนนี้จึงอาจต้องมองเรื่องราคา ซึ่งตอนนี้จะเห็นว่าราคาหุ้นสหรัฐฯ ขึ้นไปถึงระดับ 16 เท่า ขณะที่ตลาดเกิดใหม่อยู่ที่ 12 เท่า รวมทั้งตลาดหุ้นจีนอยู่ที่ 8-9 เท่า ดังนั้นจึงอาจมามองเรื่องความคุ้มค่าที่จะเข้าไปลงทุน
    
ส่วนเศรษฐกิจยุโรป ราคาหุ้นตอนนี้อยู่ที่ระดับ 15 เท่า และคาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนปีหน้าน่าจะเติบโตอยู่ที่ 10% แต่ภาพใหญ่ของเศรษฐกิจยังน่ากังวล การฟื้นตัวยังมีปัญหา รวมทั้งเรื่องของปัญหาในยูเครนด้วย การลงทุนจึงต้องระมัดระวัง
    
ขณะที่ตลาดหุ้นจีน ช่วง 5 ปีที่ผ่านมานักลงทุนอาจรู้สึกไม่ดีต่อตลาดจีน แต่เศรษฐกิจเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งเรื่องนโยบายปฏิรูป เรื่องความโปร่งใส และข้อมูลข่าวสาร ถือเป็นผลดีต่อภาพธุรกิจและการลงทุน หลายบริษัทในจีนยังมีผลประกอบการที่ดี แม้ว่าที่ผ่านมาการลงทุนในจีนอาจไม่ดี แต่ภาพใหญ่แล้วเศรษฐกิจจีนมีการเติบโตที่ระดับ 7% อย่างมีเสถียรภาพ จึงควรมีการลงทุนในจีนระยะยาวและมีสัดส่วนที่เหมาะสม
    
นายอดิเทพ วรรณพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายบริหารการลงทุน บลจ. อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ น่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ถึงปลายไตรมาสที่ 4 ซึ่งการลด QE มีผลกระทบต่อตลาดเกิดใหม่ จากเงินที่ไหลออกเข้าสู่ตลาดพัฒนาแล้ว แต่ตอนนี้นักลงทุนเริ่มกลับมามองที่ตลาดเกิดใหม่ เอเชีย รวมทั้งจีน

โดยปัจจัยพื้นฐานของประเทศเกิดใหม่ยังแข็งแกร่ง แม้ที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ยังให้ผลตอบแทนที่ดี เงินที่ไหลออกจากตลาดกลับไปสหรัฐฯ จากเรื่องการลด QE สะท้อนต่อตลาดไปแล้ว แต่การลงทุนในตลาดเกิดใหม่ยังน่าสนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การลงทุนจึงน่าจะกลับเข้ามาแน่นอน
    
นางสาวอุสรา วิไลพิชญ์  นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวจากการ QE มาต่อเนื่อง จนปัจจุบันเริ่มฟื้นตัว การว่างงานลดลง แต่หลังจากนี้จะเป็นเรื่องการลด QE และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตลาดจึงเริ่มกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยได้รับข่าวการลด QE และการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว เห็นได้จากเงินที่ไหลออกไป ดังนั้นความกังวลเรื่องการลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ จึงไม่น่ากังวลมากนักอาจจะเสียโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้
    
ขณะที่ตลาดยุโรปตอนนี้ยังมีปัญหาเรื่องการฟื้นตัวที่ยังไม่ชัดเจนนัก เพราะยังไม่รู้จุดต่ำสุดของปัญหา ซึ่งค่าเงินยูโรในระยะกลางอาจเห็นการอ่อนค่าลงได้ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงในระยะสั้น ทั้งเรื่องปัญหาในยูเครน เรื่องเศรษฐกิจโปรตุเกส ดังนั้นการอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรปยังมีต่อไป
    
ด้านเศรษฐกิจไทย นางสาวอุสรา กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังมีทิศทางในเชิงบวกต่อเนื่อง หลังจากมีความชัดเจนทางการเมืองโดยมี คสช.เข้ามายึดอำนาจ แต่ความเชื่อมั่นยังไม่มีความชัดเจนมาก ซึ่งสิ่งสำคัญคือความชัดเจนทางด้านการเมือง การประกาศนโยบาย ซึ่งโดยปัจจัยพื้นฐานของประเทศแล้วยังมีความแข็งแกร่ง ต่างประเทศยังต้องการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตปัจจัยดังกล่าวเป็นตัวดึงให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้กลับมาฟื้นตัว และมีความเชื่อมั่น ต่อการลงทุนกลับเข้ามา
    
“เศรษฐกิจไทยยังมีพื้นฐานที่ดี แต่ยังไม่ได้ใช้ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เติบโตเต็มที่ ด้งนั้นการใช้การลงทุนโดยตรงจะเริ่มกลับเข้ามาจำนวนมากโดยเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโตอยู่ที่ 5% และทั้งปีหากมีการผลักดันจากภาครัฐก็อาจทำให้เติบโตได้ถึง 3.5% และปีหน้าอาจเติบโตได้ถึงระดับ 6%”
    
ทั้งนี้ เรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่าหากเศรษฐกิจในปีหน้ามีอัตราการเติบโตได้ที่ระดับ 5-6% อาจมีการขึ้นดอกเบี้ยให้เหมาะสมได้ มองว่าอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยถึงระดับ 3% ได้แต่เป็นการปรับขึ้นอย่างช้าๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น