บลจ.กสิกรไทยประเมินเศรษฐกิจยุโรปฟื้นตัวต่อเนื่อง ขานรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ หนุนหุ้น STOXX EUROPE 600 ไปต่อ ล่าสุดส่งกองทุน “เค ยูโรเปียน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 1” ตั้งเป้าโอกาสรับผลตอบแทน 8% ภายใน 1 ปี เปิดขายครั้งเดียว 28-30 ก.ค.นี้ ลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งได้รับผลดีจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.15% การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสถาบันการเงินลงมาติดลบที่ระดับ -0.10% การกำหนดนโยบายเพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธนาคารพาณิชย์ยุโรปปล่อยกู้กับภาคธุรกิจที่แท้จริงมากขึ้น รวมถึงการเปิดโอกาสที่จะมีการทำมาตรการ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวล้วนส่งผลบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งจะทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง และจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป โดยจะได้รับอานิสงส์จากการส่งออกได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 4% โดยมีช่วงปรับฐานลงเล็กน้อยในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมจากความกังวลในสถานการณ์ยูเครนและรัสเซีย รวมถึงกรณีเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียตก ซึ่งสร้างความตึงเครียดในระยะสั้น อย่างไรก็ดี จากมุมมองเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป รวมถึงปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจยุโรปในระยะยาว จะส่งผลบวกต่อผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปให้สามารถขยายตัวและเติบโตต่อไปได้ บลจ.กสิกรไทยจึงแนะนำให้อาศัยจังหวะตลาดปรับฐานในช่วงนี้เข้าทยอยสะสมการลงทุนในหุ้นยุโรปเพิ่มเติม
โดย บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ยูโรเปียน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 1 (KEET1) ซึ่งมุ่งหวังโอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ประมาณ 8% ภายใน 1 ปี โดยจะเปิดขายครั้งเดียวในวันที่ 28-30 กรกฎาคมนี้ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนสูงจากการเติบโตของตลาดหุ้นยุโรป มีเป้าหมายในการลงทุนประมาณ 1 ปี-2 ปี และสามารถรับความผันผวนของตลาดหุ้นยุโรปได้
ทั้งนี้ กองทุน KEET1 จะลงทุนในกองทุนหลักในต่างประเทศ พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ โดยเน้นลงทุนในกองทุนหลัก คือ กองทุน iShares STOXX Europe 600 (DE) บริหารจัดการโดย iShares ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำในกลุ่มกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยกองทุนหลักดังกล่าวจะมุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี The STOXX Europe 600 (EUR) ที่ประกอบไปด้วยหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรปทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กจำนวน 600 หุ้น จาก 18 ประเทศทั่วทวีปยุโรป ซึ่ง Bloomberg คาดการณ์ว่าผลกำไรในอีก 1 ปีข้างหน้าของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรป (ดัชนี STOXX EUROPE 600) จะสามารถเติบโตได้ถึง 12% นอกจากนี้ระดับราคาหุ้นยุโรปปัจจุบันค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต โดยมีค่า Forward P/E อยู่ที่ 15.5 เท่า เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 18.1 เท่า