ดัชนีหุ้นไทยช่วงเช้าวันที่ 6 มิถุนายน 2557 ปิดตลาดที่ 1,456.55 จุด เพิ่มขึ้น 3.39 จุด เปลี่ยนแปลง +0.23% มูลค่าการซื้อขาย 25,554.56 ล้านบาท โดยระหว่างเทรดดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,463.06 จุด และต่ำสุดที่ 1,455.49 จุด
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส สรุปความเคลื่อนไหวดัชนีช่วงเช้า ยังคงมีการปรับฐานให้เห็น โดยนักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อเนื่องมา 4 วัน รวม 7.74 พันล้านบาท แต่กลายเป็นว่า นักลงทุนสถาบันในประเทศโดยเฉพาะทริกเกอร์ ฟันด์ เป็นผู้ขายสุทธิ 2 วันรวม 2.23 หมื่นล้านบาท ประกอบกับการที่ดัชนีได้แรงหนุนจากการประกาศนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จาก 0.25% ลงเหลือ 0.15% และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงสู่ -0.10% ซึ่งนับเป็นอัตราดอกเบี้ยติดลบเป็นครั้งแรก โดยมีเป้าหมายกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้ให้ไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ถือเป็นการช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ตลาดหุ้นโลก และจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นผ่านการไหลเข้าของกระแสเงินที่เพิ่มขึ้น โดยเห็นได้จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอีกครั้งในวันนี้ นอกจากนี้ ECB ยังส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะใช้มาตรการอื่นเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจยูโรโซนซึ่งอยู่ในภาวะซบเซา และเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่ระดับต่ำมากทำให้มีความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการ QE ในอนาคต
พร้อมคาดการณ์ช่วงบ่ายว่า ดัชนีน่าจะสามารถทรงตัวในแดนบวกได้อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,470 จุด ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม น่าจะยังมีแรงขายปรับพอร์ตหลงเหลืออยู่บ้าง เนื่องจากที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้นมาแรงพอสมควร แต่จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบจำกัด โดยมีแนวรับ 1,445 จุด และแนวต้าน 1,465 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,445.43 ล้านบาท ปิดที่ 20.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท
TAE มูลค่าการซื้อขาย 1,312.44 ล้านบาท ปิดที่ 5.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,134.97 ล้านบาท ปิดที่ 167.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 906.04 ล้านบาท ปิดที่ 7.25 บาท ลดลง 0.10 บาท
SAMART มูลค่าการซื้อขาย 871.79 ล้านบาท ปิดที่ 21.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท