คอลัมน์บัวหลวง Money Tips
โดยวรวรรณ ธาราภูมิ
CEO กองทุนบัวหลวง
ไม่มีประเทศใดจะอยู่รอดได้ในระยะยาว หากขาดหลักประกันแห่งความมั่นคงของชาติ
หากศึกษาย้อนไปหลายๆ ยุคในประวัติศาสตร์ของชาติต่างๆ จนถึงปัจจุบันนี้ จะพบว่าหลักประกันแห่งความมั่นคงของชาตินั้นก็คือ กองทัพที่มีแสนยานุภาพ
แต่ในแสนยานุภาพที่เกรียงไกรอันจะสามารถปกป้องชาติ หรือขยายแผ่ไปกลืนกินทรัพยากรของชาติอื่นมาป้อนชาติของตนนั้น ก็มีขีดจำกัด
ขีดจำกัดนั้นก็คือ จะเอาอะไรมาหล่อเลี้ยงกองทัพขนาดใหญ่เอาไว้ได้ ไม่ให้เกิดล่มสลายแบบอาณาจักรโรมันโบราณ ซึ่งไม่มีเหรียญทองคำ เหรียญเงิน พอที่จะจ่ายให้ทหารได้ครบถ้วนในระยะหลัง จนต้องปลอมปนเอาทองแดงเข้าไปในเหรียญ ทำให้ค่าเงินอ่อนลงจนไร้ค่า แล้วโรมันก็ถึงจุดจบ
การรักษาความมั่นคงของชาติ จึงต้องคำนึงถึงความสมดุลทั้งในเรื่องแสนยานุภาพกับทรัพยากรที่เรามี
บ้านเมืองต้องเข้มแข็ง นั่นคือกองทัพต้องเข้มแข็ง
แต่เศรษฐกิจก็ต้องสามารถรองรับเอาไว้ด้วย นั่นคือ ต้องจัดระเบียบทุกด้านให้สมดุล พอควร พอประมาณ
กองทัพที่จะเป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติได้ คือกองทัพที่มีหัวใจอันซื่อสัตย์ สุจริต โดยยึดมั่นใน “ชาติ เกียรติ วินัย กล้าหาญ” และมีความอดทน
ภาคเศรษฐกิจ ธุรกิจ และภาคประชาชน ก็ต้องเข้าใจและคำนึงถึงความมั่นคงของชาติ ที่ไม่ใช่จะเกิดจากเศรษฐกิจและความกินดีอยู่ดีของผู้คนและตนเองเท่านั้น แต่ต้องมีกองทัพที่สามารถดำรงรักษาความเป็นชาติเอาไว้ได้ด้วย
ในการคำนึงถึง Road Map ของประเทศ จึงควรตั้งโจทย์จากภาพรวมของบ้านเมืองเป็นหลักตามที่กล่าวข้างต้น คือ ประเทศ กองทัพ ประชาชน
ภาคธุรกิจจะเป็นผู้มาทีหลัง โดยคำนึงถึงโจทย์ข้างต้น เพื่อจะสนองตอบโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดจากความต้องการของภาคส่วนต่างๆ ไม่ใช่ตั้งโจทย์โดยมองไปที่ผลลัพธ์ที่เราจะได้รับ
หากคิดกันอย่างนี้ ทุกภาคส่วนของชาติก็จะคุ้นเคยกับการมองเพื่อประโยชน์โดยรวมเป็นที่ตั้งก่อน และตนเองก็จะปรับสภาพของตนให้สามารถรองรับโอกาส ไม่ยึดติดกับอุปสรรคที่อาจจะมีอยู่
โมเดลใหม่อย่างนี้ ต่างกับโมเดลเดิมๆ โดยทุกภาคส่วนจะต้องมองอะไรให้กว้างไกลขึ้น มองให้พ้นตนเอง
แต่ถ้าทำอย่างนี้ได้ ชาติไทยก็จะ “โสภา สถาพร” และธุรกิจก็จะมี “ความยั่งยืน” อย่างแท้จริง