บลจ.ทิสโก้เดินหน้าลุยตลาดหุ้นเมืองเบียร์ต่อเนื่อง เปิดขายกองทริกเกอร์หุ้นเยอรมนีกอง 2 ตั้งเป้าทำกำไร 8% ใน 8 เดือน ระบุเศรษฐกิจเยอรมนีฟื้นตัวเด่น ภาคอุตสาหกรรมโตสุดในยุโรป แถมได้อานิสงส์ดอลลาร์แข็ง หนุนอุปสงค์สินค้าเยอรมนีเพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเปิดขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ เยอรมัน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #2” ในระหว่างวันที่ 8-18 ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นกองทริกเกอร์หุ้นเยอรมนีกองที่สอง หลังจากบริษัทเคยประสบความสำเร็จจากการเปิดขายกองทุนแรกไปแล้วเมื่อเดือนที่ผ่านมา
สำหรับกองทุนดังกล่าวมีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ในระยะเวลา 8 เดือน โดยจะเน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำของโลกจากเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดในยุโรป และได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปและเศรษฐกิจโลก
"เรามองว่ากำลังเป็นตลาดที่น่าสนใจมากในขณะนี้ จากเศรษฐกิจเยอรมนีที่ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น และ Valuation ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ แนวโน้มการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจากนโยบายที่เข้มงวดขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อเทียบกับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกอบกับแนวโน้มการฟื้นตัวของการลงทุนในสหรัฐฯ จะช่วยเพิ่มอุปสงค์ของสินค้าอุตสหากรรมจากเยอรมนี และสนับสนุนการเติบโตของกำไรของหุ้นเยอรมนีในช่วงครึ่งหลังของปีอีกด้วย"
ทั้งนี้ กองทุนจะเน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำของโลกที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเยอรมนี (DAX) ผ่านกองทุนหลักคือ db x-trackers DAX UCITS ETF (DR เช่น บี
เอ็มดับเบิลยู (BMW), เดมเลอร์ (Daimler), โฟล์คสวาเกน (Volkswagen), อลิอันซ์ (Allianz), ดอยช์แบงก์ (Deutsche Bank), ไบเออร์ (Bayer), ซีเมนส์ (Siemens), อาดิดาส (Adidas) เป็นต้น ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำที่มีกลุ่มลูกค้าทั่วโลก และมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและยุโรป
ด้านฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้เวลธ์ ให้มุมมองการลงทุนว่า เศรษฐกิจโลกยังคงมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทิสโก้เวลธ์จึงยังคงมุมมองว่าหุ้นจะเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนได้ดีอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยแนะนำให้เข้าลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมนี เนื่องจากเศรษฐกิจเยอรมนีฟื้นตัวชัดเจนกว่าประเทศอื่นในยุโรป โดยล่าสุดในเดือน มิ.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี (PMI Manufacturing Index) ซึ่งเป็นดัชนีชี้นำการเติบโตของเศรษฐกิจ อยู่ที่ 52 จุด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยดัชนี PMI ในยุโรป สอดคล้องกับมุมมองของทิสโก้เวลธ์ว่าเยอรมนีจะเป็นประเทศที่ฟื้นตัวแข็งแกร่งที่สุดในยุโรป ประกอบกับตลาดหุ้นเยอรมนียังซื้อขายที่ Valuation ที่สมเหตุสมผล โดยดัชนี DAX ซื้อขายอยู่ที่ P/E 13.9 เท่า ขณะที่ดัชนี Euro STOXX50 ของยุโรปอยู่ที่ 14.7 เท่า