บลจ.ทิสโก้แนะเพิ่มน้ำหนักลุยหุ้นตลาดเยอรมนี หลังพบสัญญาณเศรษฐกิจแกร่งและปัจจัยพื้นฐานเด่นกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน ระบุเศรษฐกิจเยอรมนีได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของยูโรมากสุด เหตุเป็นประเทศส่งออกรายใหญ่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์
นายคมศร ประกอบผล นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส ทิสโก้ เวลธ์ เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุนในปัจจุบันบริษัทอยากให้กระจายการลงทุน โดยเฉพาะการเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมนี เนื่องจากบริษัทประเมินว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยุโรปที่เริ่มกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปกลับมามีความน่าสนใจลงทุนอีกครั้ง และเป็นตลาดที่มีเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้าลงทุนเป็นอันดับสองของโลกรองจากญี่ปุ่น
สำหรับตลาดหุ้นเยอรมนีเชื่อว่าจะมีปัจจัยสนับสนุนด้านเศรษฐกิจซึ่งมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 1 ในยุโรป อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน รวมไปถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากเยอรมนีเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าและส่งออกรายใหญ่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนีที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลกและเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศ นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเยอรมนีล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทชั้นนำที่รู้จักทั่วโลก เช่น Mercedes Benz, BMW, Volkswagen, Daimler, Allianz, Bayer, Siemens และ Adidas เป็นต้น
ทั้งนี้ ด้วยความโดดเด่นของเศรษฐกิจเยอรมนี ทำให้ตลาดหุ้นเยอรมนีมีความน่าสนใจลงทุนมากขึ้น และเชื่อว่าตลาดหุ้นเยอรมนีจะยังสามารถให้ผลตอบแทนการลงทุนได้ดีในปีนี้ ในขณะที่ Upside จากการลงทุนในตลาดหุ้นในประเทศยุโรปอื่นๆ นั้นมีค่อนข้างจำกัด เนื่องจาก Valuation ที่แพง และแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังมีความเสี่ยงอยู่มากเช่น ตลาดหุ้นสเปน และโปรตุเกส ที่มีการซื้อขายที่ระดับ P/E ราว 17 เท่า และ 21 เท่าตามลำดับ ส่วนตลาดหุ้นของเยอรมนียังมีการซื้อขายที่ Valuation ที่ถูกกว่า โดยในปัจจุบันดัชนี DAX ของเยอรมนีซื้อขายที่ระดับ P/E ประมาณ 13.8 เท่า ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นไทย และต่ำกว่าดัชนี Europe STOXX600 ซึ่งซื้อขายที่ P/E ราว 15.4 เท่า แต่ถ้าเทียบกับตลาดที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ซึ่งมี PE อยู่ที่ 16 เท่า ทำให้ตลาดหุ้นเยอรมนียังมีโอกาสในการปรับตัวขึ้นได้อีกมาก
“เศรษฐกิจเยอรมนีถือได้ว่าเป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มยูโรโซน เห็นได้จากเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้ บางประเทศในยูโรโซนได้แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางและเศรษฐกิจกลับไปหดตัวอีกครั้ง เช่น โปรตุเกส และอิตาลี ขณะที่เศรษฐกิจเยอรมนียังมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงถึง 0.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา และสูงกว่ากลุ่มยูโรโซนที่ขยายตัวเพียง 0.2 และมีอัตราการว่างงานต่ำเพียงราว 5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบ 23 ปี” นายคมศรกล่าว