บลจ.ทิสโก้ส่งกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ทองลุยลงทุนในหุ้นชั้นนำในเกาหลีใต้ทั้งไอทีและยานยนต์ หลังได้อานิสงส์เศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปฟื้น หนุนการส่งออกเติบโตโดดเด่น หวังสร้างผลตอบแทน 8% ใน 8 เดือน ไอพีโอ 26 มิ.ย.-4 ก.ค. 57 นี้
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากในการลงทุนเพื่อเปิดโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนในขณะนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจของเกาหลีใต้มีการขยายตัวที่แข็งแกร่งมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป โดยฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth) ได้แนะนำให้นักลงทุนทำการ “เพิ่มพอร์ตการลงทุน” ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้
ทั้งนี้ ความโดดเด่นของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ นอกเหนือจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งแล้ว ราคาหุ้นในปัจจุบันยังถือว่าเป็นระดับที่ถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในเอเชีย โดยดัชนีปัจจุบันตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีการซื้อขายอยู่ที่ P/E 10เท่า ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียมีการซื้อขายอยู่ที่ P/E 12.8 เท่า ทำให้มีกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกให้ตลาดหุ้นดังกล่าวเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ยังมีบริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น บริษัท ซัมซุง ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกโทรศัพท์มือถือ ทีวี และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์, บริษัท เนเวอร์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโมบายล์แอปฯ ชื่อ “ไลน์” รวมถึงบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อย่างฮุนไดที่ขายรถยนต์ครอบคลุมทั่วโลก ดังนั้นการลงทุนในกองทุนนี้ยังเปรียบเสมือนผู้ลงทุนได้ไปลงทุนในบริษัทชั้นนำระดับโลกที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นเกาหลีนี้อีกด้วย ซึ่งจากการประมาณการของนักวิเคราะห์พบว่าหุ้นชั้นนำเหล่านี้ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ถึง 26-30% หากมีราคาตลาดของหุ้นเหล่านี้ปรับตัวเข้าใกล้ราคาเป้าหมาย ณ ปัจจุบัน หุ้นของบริษัททั้งสามคิดเป็นมูลค่า 33% ของมูลค่าตลาดหุ้นเกาหลีเลยทีเดียว ทำให้ตลาดหุ้นเกาหลีถือเป็นตลาดหุ้นที่น่าสนใจลงทุนมากในขณะนี้
นายสาห์รัช กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความโดดเด่นของตลาดหุ้นเกาหลีใต้และแนวโน้มเศรษฐกิจที่เติบโตแข็งแกร่ง และด้วยมุมมองที่แม่นยำ รวมถึงความเป็นผู้นำด้านกองทุนทริกเกอร์ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วจากการบริหาร “กองทุนเปิด ทิสโก้ เกาหลี อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #1” เข้าเป้าหมาย โดยใช้เวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้นก็สามารถสร้างกำไรแก่ผู้ลงทุนได้ถึง 8% สามารถปิดกองทุนได้ก่อนกำหนดนั้น
ล่าสุด บลจ.ทิสโก้จึงได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ เกาหลี อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #3 ขึ้น โดยจะเปิดเสนอขายครั้งแรก (ไอพีโอ) ระหว่างวันที่ 26 มิ.ย.-4 ก.ค. 57 นี้ เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน db x-trackers MSCI Korea Index UCITS ETF (กองทุนหลัก) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุน (ก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหมดของกองทุน) ให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI Total Return Net Korea โดยกองทุนจะสามารถเลิกกองทุนได้เมื่อสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% หรือมีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) มากกว่าหรือเท่ากับ 10.80 บาท
“ตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีความโดดเด่นมากขึ้น และเป็นตลาดที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง และจากการเป็นผู้นำการส่งออกสินค้า Hi-Tech และสินค้าอื่นๆ ในระดับโลก ดังนั้นราคาหุ้นของบริษัทชั้นนำในตลาดหุ้นเกาหลีในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ในขณะที่มีโอกาสเติบโตได้สูง ทำให้ช่วงนี้จึงเป็นจังหวะเหมาะที่จะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ จึงเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ เกาหลี อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% ต่อเนื่องเป็นกองที่ 3 เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปต่างประเทศ และเพื่อเปิดโอกาสในการรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น” นายสาห์รัชกล่าว
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากในการลงทุนเพื่อเปิดโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนในขณะนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจของเกาหลีใต้มีการขยายตัวที่แข็งแกร่งมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป โดยฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth) ได้แนะนำให้นักลงทุนทำการ “เพิ่มพอร์ตการลงทุน” ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้
ทั้งนี้ ความโดดเด่นของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ นอกเหนือจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งแล้ว ราคาหุ้นในปัจจุบันยังถือว่าเป็นระดับที่ถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในเอเชีย โดยดัชนีปัจจุบันตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีการซื้อขายอยู่ที่ P/E 10เท่า ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียมีการซื้อขายอยู่ที่ P/E 12.8 เท่า ทำให้มีกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกให้ตลาดหุ้นดังกล่าวเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ยังมีบริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น บริษัท ซัมซุง ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกโทรศัพท์มือถือ ทีวี และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์, บริษัท เนเวอร์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโมบายล์แอปฯ ชื่อ “ไลน์” รวมถึงบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อย่างฮุนไดที่ขายรถยนต์ครอบคลุมทั่วโลก ดังนั้นการลงทุนในกองทุนนี้ยังเปรียบเสมือนผู้ลงทุนได้ไปลงทุนในบริษัทชั้นนำระดับโลกที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นเกาหลีนี้อีกด้วย ซึ่งจากการประมาณการของนักวิเคราะห์พบว่าหุ้นชั้นนำเหล่านี้ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ถึง 26-30% หากมีราคาตลาดของหุ้นเหล่านี้ปรับตัวเข้าใกล้ราคาเป้าหมาย ณ ปัจจุบัน หุ้นของบริษัททั้งสามคิดเป็นมูลค่า 33% ของมูลค่าตลาดหุ้นเกาหลีเลยทีเดียว ทำให้ตลาดหุ้นเกาหลีถือเป็นตลาดหุ้นที่น่าสนใจลงทุนมากในขณะนี้
นายสาห์รัช กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความโดดเด่นของตลาดหุ้นเกาหลีใต้และแนวโน้มเศรษฐกิจที่เติบโตแข็งแกร่ง และด้วยมุมมองที่แม่นยำ รวมถึงความเป็นผู้นำด้านกองทุนทริกเกอร์ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วจากการบริหาร “กองทุนเปิด ทิสโก้ เกาหลี อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #1” เข้าเป้าหมาย โดยใช้เวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้นก็สามารถสร้างกำไรแก่ผู้ลงทุนได้ถึง 8% สามารถปิดกองทุนได้ก่อนกำหนดนั้น
ล่าสุด บลจ.ทิสโก้จึงได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ เกาหลี อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #3 ขึ้น โดยจะเปิดเสนอขายครั้งแรก (ไอพีโอ) ระหว่างวันที่ 26 มิ.ย.-4 ก.ค. 57 นี้ เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน db x-trackers MSCI Korea Index UCITS ETF (กองทุนหลัก) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุน (ก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหมดของกองทุน) ให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI Total Return Net Korea โดยกองทุนจะสามารถเลิกกองทุนได้เมื่อสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% หรือมีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) มากกว่าหรือเท่ากับ 10.80 บาท
“ตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีความโดดเด่นมากขึ้น และเป็นตลาดที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง และจากการเป็นผู้นำการส่งออกสินค้า Hi-Tech และสินค้าอื่นๆ ในระดับโลก ดังนั้นราคาหุ้นของบริษัทชั้นนำในตลาดหุ้นเกาหลีในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ในขณะที่มีโอกาสเติบโตได้สูง ทำให้ช่วงนี้จึงเป็นจังหวะเหมาะที่จะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ จึงเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ เกาหลี อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% ต่อเนื่องเป็นกองที่ 3 เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปต่างประเทศ และเพื่อเปิดโอกาสในการรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น” นายสาห์รัชกล่าว