บลจ.ทิสโก้มองตลาดหุ้นจีน-หุ้นเอเชียเหนือยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มตลาดประเทศเกิดใหม่ หลัง Valuation ของหุ้นยังถูก มองโอกาสเข้าลงทุนยังมี ล่าสุดโชว์ผลงานปิดกองทริกเกอร์ฟันด์ “ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 12” เพียงแค่ 4 เดือน
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ ระบุว่า เศรษฐกิจจีนได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 1 โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (Manufacturing PMI) เดือน พ.ค. เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ต่อเนื่อง อยู่ที่ 50.8 และเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน ม.ค. ด้านการส่งออกเดือน เม.ย.ฟื้นตัวขึ้น โดยขยายตัว 0.9% (จาก -6.6% YoY เมื่อเดือนก่อน) จากอุปสงค์การนำเข้าสินค้าจีนจากประเทศในแถบยุโรปและสหรัฐฯ แม้ว่าผลของฐานการส่งออกที่สูงผิดปกติ (Over-Invoicing) เมื่อปีที่แล้วจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันตัวเลขการส่งออกอยู่ แต่เชื่อว่าตัวเลขการส่งออกของจีนในเดือน พ.ค.ที่กำลังจะประกาศออกมาจะขยายตัวอย่างโดดเด่น
ทางด้านมาตรการการคลัง (Fiscal Policy) รัฐบาลจีนได้จัดสรรงบประมาณ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับรถไฟ และ 1.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการสร้างที่อยู่อาศัยและนโยบายอื่นๆ เช่น การปรับปรุงระบบจัดการน้ำเสีย รวมทั้งยังสนับสนุนภาคเอกชนให้เข้ามามีบทบาทในการลงทุนโครงการเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ โครงสร้างพื้นฐาน และพลังงาน จำนวน 80 โครงการอีกด้วย
ดังนั้น ในระยะยาวเศรษฐกิจจีนจะได้รับผลบวกจากนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการสร้างเสถียรภาพการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น การลดสัดส่วนการลงทุน และเพิ่มสัดส่วนการบริโภคในจีดีพี และการเพิ่มการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว และทำให้ตลาดหุ้นจีนสามารถกลับมาซื้อขายที่ระดับ Valuation สูงขึ้นได้ โดยในปัจจุบันดัชนี HSCEI ซื้อขายที่ระดับ P/E ที่ 7 เท่า และ P/B 1 เท่า ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2551
ทั้งนี้ ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ประเมินว่าตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นเอเชียเหนือยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มตลาดประเทศเกิดใหม่ เนื่องจาก Valuation ของหุ้นยังถูก อีกทั้งได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก ขณะตลาดประเทศพัฒนาแล้ว มองว่าตลาดหุ้นเยอรมนีน่าสนใจที่สุด เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจแข็งแกร่ง และผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในเยอรมนียังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ Valuation อยู่ในระดับที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศในยูโรโซนด้วยกัน
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า บลจ.ทิสโก้รักษาผลงานการบริหารกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่โดดเด่นได้อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดจากการที่ได้เปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 12” (TISCO China Trigger 8% Fund # 12) ซึ่งเป็นกองทาร์เกตฟันด์ลงทุนในหุ้นจีนผ่านกองทุนอีทีเอฟ Hang Seng H-Share Index ETF ในฮ่องกง โดยมีนโยบายการลงทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprise (HSCEI) หรือ H-Shares มีอายุโครงการ 8 เดือน โดยจะเลิกกองทุนเมื่อสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% หรือมีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) มากกว่าหรือเท่ากับ 10.80 บาทนั้น
ล่าสุด ณ วันที่ 3 มิ.ย. 57 ที่ผ่านมา NAV ของกองทุนดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย 8% ที่ 10.8057 บาทต่อหน่วย ทำให้เลิกโครงการได้ก่อนกำหนด โดยใช้ระยะเวลาเพียง 4 เดือนเท่านั้น ตอกย้ำมุมมองการลงทุนที่แม่นยำ และความเชี่ยวชาญในด้านการจับจังหวะลงทุนที่เหมาะสมของทิสโก้ได้เป็นอย่างดี