บลจ.วรรณเชื่อหุ้นไทยแจ่มระยะยาว ส่งกองทุนใหม่ ONE-STARS ชูกลยุทธ์ลงทุนหุ้นเด่น 100% เต็มพอร์ต เน้นผลงานจากงบการเงินเป็นหลัก มั่นใจปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแกร่ง ระยะยาวต่างชาติไม่ทิ้ง ส่วนระยะสั้นอาจขายออกบ้างหลังรัฐประหาร
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้น่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ แต่ยังคงต้องเผชิญกับความผันผวน ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้นักลงทุนควรมีกลยุทธ์การลงทุนที่ดี
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทจึงทำการเปิดขายกองทุนเปิด วรรณ สตาร์ ซีเล็คชั่น ฟันด์ (ONE-STARS) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนระหว่างวันที่ 26 พ.ค.-5 มิ.ย. 57 โดยกองทุนนี้จะมีกลยุทธ์ในการเลือกหุ้นจากปัจจัย 4 หลักด้วยกัน คือ ปัจจัยพื้นฐาน มูลค่าหุ้น โมเมนตัม และความเสี่ยง
“เราเน้นการบริหารกองทุนนี้เพื่อให้ชนะดัชนี และหากหุ้นตกก็จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า ซึ่งกองนี้จะจดทะเบียนเป็นกองทุนผสม เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ต แต่แนวทางหลักในการลงทุนคือจะลงทุนในหุ้น 100%”
โดยการเลือกหุ้นจะพิจารณาจากผลการดำเนินงานและงบการเงินที่ออกมาในแต่ละไตรมาสเป็นหลัก ซึ่งหุ้นที่เลือกไม่จำเป็นจะต้องเป็นหุ้นถูก หรือหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูงเพียงอย่างเดียว แต่จะพิจารณาจากปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้นร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม การลงทุนของกองทุนจะกระจายการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 20 หลักทรัพย์ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ากองทุนจะลงทุนในหุ้นประมาณ 11 หลักทรัพย์ และกระจายการลงทุนในแต่ละหลักทรัพย์ประมาณ 9% ประกอบด้วยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ค้าปลีก สุขภาพ อุตสาหกรรม เทคโนโลยี สื่อสาร เป็นต้น
ส่วนภาวะการลงทุนของตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้ นายวินกล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยขณะนี้น่าจะมีแรงเทขายจากต่างชาติในระยะสั้น หลังจากการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่เชื่อว่าจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีน่าจะทำให้หุ้นไทยปรับตัวต่อไปได้ในระยะยาว
“ประเทศไทยถือว่ามีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ซึ่งเป็นธรรมดาที่ต่างชาติจะทำการขายในช่วงสั้น แต่หลังจากนี้หากไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นตามมาอีกความเชื่อมั่นน่าจะกลับมาและคาดว่าคงจะมีการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศได้ต่อไป โดยเท่าที่ดู คสช.เองก็ให้ความสำคัญในเรื่องเศรษฐกิจ จึงเชื่อว่าหุ้นไทยในปีนี้เองมีโอกาสอยู่ที่ระดับ 1,500 จุดได้” นายวินกล่าว
ด้านนายแอนดรูว์ สตอทซ์ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน บลจ.วรรณ กล่าวว่า มุมมองของต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยยังเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของประเทศ ซึ่งถึงแม้ในระยะสั้นจะมีการขายออกไปบ้าง แต่ในระยะยาวยังคงมีความเชื่อมั่นอยู่
ทั้งนี้ หากเปรียบในตลาดเกิดใหม่ด้วยกันเชื่อว่าทุกประเทศย่อมมีปัจจัยลบต่างกัน ส่วนไทยนั้นในระยะยาวเชื่อว่าต่างชาติคงจะไม่ทิ้งไปไหน ถึงแม้ที่ผ่านมาปัญหาการเมืองไทยจะมีปัญหาเกิดขึ้นตลอดในช่วงระยะเวลาเกือบ 10 ปี