คอลัมน์บัวหลวง Money Tips
โดยวรวรรณ ธาราภูมิ
CEO บลจ.บัวหลวง
มีฝรั่งคนหนึ่งที่เรียนเก่งมาก แต่ย้ายมาอยู่กับสาวไทยที่อุบลฯ จนมีลูกสามคน เปลี่ยนจากคนอังกฤษมาเป็นชาวนาไทยไปแล้ว เขาบอกว่าข้อเสียของคนไทยก็คือไม่มีความเชื่อมั่น กับขาดความภาคภูมิใจในรากเหง้าของตนเอง
คุณสันติ วิริยะรังสฤษดิ์ เจ้าของนิตยสารการเงินธนาคาร รายการทีวี และมันนี่เอ็กซ์โป เขียนบทความด้วยนามปากกาลมเปลี่ยนทิศว่า นิตยสาร Nikei Asian Review กับ Edelman Berland บริษัทวิจัยระดับโลก เปิดเผยผลสำรวจความเห็นของกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คนที่เป็นผู้นำธุรกิจใน 13 ประเทศ ได้แก่ อิตาลี สเปน อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อินโดนีเซีย จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และไทยโดยถามเรื่องใครมีอำนาจทางเศรษฐกิจของเอเชียในปัจจุบันและอนาคต
คำตอบก็คือ จากจำนวนประเทศในทวีปเอเชียทั้งหมด 48 ประเทศ ไทยติดอันดับใน 10 ประเทศเอเชียที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลก และยังเป็น 7 ประเทศชั้นนำในภูมิภาคเอเชียที่สามารถขยายอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกได้ด้วย ซึ่ง 7 ประเทศนี้ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และไทย เพราะตลาดเหล่านี้ล้วนอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน และมีอิทธิพลในการเติบโตสูงที่สุด จนไล่แซงหน้ากลุ่มอดีตผู้นำตลาดอย่างเช่น สหรัฐฯ เยอรมนี บราซิล ไปแล้ว
การสำรวจนี้ทำขึ้นเมื่อ 6-12 พฤศจิกายน 2556 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยเริ่มมีวิกฤตการเมืองแล้ว มีการชุมนุมช่วงต้นๆ ของ กปปส. ผลก็ออกมาว่าประเทศไทยคือ 1 ใน 7 ประเทศเอเชียที่ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจของโลกในปัจจุบันและอนาคต คุณสันติ ลมเปลี่ยนทิศบอกว่า “มันเหลือเชื่อจริงๆ” แต่ก็เกิดขึ้นแล้วจากผลสำรวจ
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังระบุว่าผู้นำธุรกิจทุกตลาดต่างก็กระตือรือร้นอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับภูมิภาคเอเชียมากขึ้น รวมทั้งโอกาสต่างๆ ในอนาคต พวกเขาตื่นเต้นกับโอกาสทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ และต้องการรายละเอียดและความชัดเจนมากขึ้น แต่พวกเขากลับได้ข้อมูลน้อยมาก ได้เพียงข้อมูลจากสื่อตะวันตกเท่านั้น ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าสื่อตะวันตกไม่ได้เสนอข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นในการแสวงหาโอกาสทางผลประโยชน์ในทวีปเอเชีย
คุณสันติบอกว่า ผู้นำธุรกิจทุกคนเห็นว่าการได้รับข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสและตลาดในเอเชียมีความสำคัญมาก และต้องการข้อมูลเชิงลึกเฉพาะเจาะจงในแต่ละประเทศมากขึ้น
ผลงานเหล่านี้ใช้เวลาสะสมต่อเนื่องมานานเป็นสิบๆ ปี เป็นผลงานของภาคเอกชนไทยที่เข้มแข็ง ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ล่มจมไปกับการเมือง จนคุณโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ เรียกภาคเอกชนไทยเหล่านี้ว่า “นักรบเศรษฐกิจ”
หากเราทุกคนเปิดใจกว้างรับความจริงกัน เราจะเข้าใจสิ่งที่คุณสันติสื่อออกไปในบทความ เขาบอกว่า ....
“นึกย้อนกลับไปไม่ถึงสิบปี ไทยคือผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลกมายาวนานมาก เป็นผู้ส่งออกยางพาราอันดับ 1 ของโลก แต่วันนี้กลับถูกทำลายลงไปด้วยนโยบายประชานิยมทางการเมืองจนกลายเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 3 ของโลก รองจากอินเดีย และเวียดนาม มา 2 ปีแล้ว กลไกการตลาดและราคาข้าวก็ถูกทำลายลงไปอย่างยับเยิน ชาวนารวยแค่แป๊บเดียว แล้วก็ยากจนลงยิ่งกว่าเก่า”
จากบทความนี้ อยากจะชี้ให้เห็นเรื่องสำคัญที่ไม่ใช่เรื่องการแบ่งฝ่ายทางการเมืองในไทย แต่มันคือ
1. นักธุรกิจคือความหวังของประเทศ
2. ต่างชาติที่สนใจทำมาค้าขายกับเรา เขาต้องการข้อมูลจริง ที่ไม่ใช่มาจากสื่อกระแสหลัก
3. หากเรามีนักการเมือง มีข้าราชการที่มีความสามารถ มีวิสัยทัศน์ และทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองจริงๆ ประเทศไทยน่าจะสามารถขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ใน 3 ประเทศในทวีปเอเชียที่ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจโลกได้ ก็ขนาดเละเทะอย่างนี้เรายังได้ 1 ใน 7 เลย
ดังนั้น อย่าลืมเรื่อง Megatrends ที่กองทุนบัวหลวงนำเสนอไปก่อนหน้านี้ เพราะฟ้าใส ไทยสว่าง เมื่อไหร่ มันจะเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม และจะมีผลต่อการลงทุนของเราในอนาคตมากๆ