xs
xsm
sm
md
lg

ต้องอ่าน “วรวรรณ” สะท้อนปัญหาการเมืองไทยและโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เนื้อหาจาก Openning Speech เสวนา “ตั้งรับ พร้อมรบ! สไตล์กองทุนบัวหลวง” วันที่ 13 มีนาคม 2557

“วรวรรณ ธาราภูมิ” CEO บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง หรือกองทุนบัวหลวง กล่าวว่า ข่าวล่าสุดทางเศรษฐกิจและการเมืองก็คือเรื่องโครงการ 2 ล้านล้านบาท ที่มีอันเป็นไป ต้องพับไปทั้งโครงการ

ความจริงตลาดหุ้นก็น่าจะซึมซับข่าวนี้ไปล่วงหน้าแล้ว อาจจะมีคนตกใจเพิ่มบ้าง แต่เรื่อง 2 ล้านล้านบาทนี้ ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายอะไรเลย เพราะจากเดิมที่ไม่มีปัญหาทางการเมือง มีรัฐบาลปกติเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าโครงการ 2 ล้านล้านบาทนี้กว่าจะเริ่มเบิกจ่ายใช้ได้อย่างเร็วก็ครึ่งปีหลัง มาตอนนี้เมื่อมันผิดกติกาไป ก็ต้องยอมรับในความผิดพลาด และยอมรับในกติกา แต่นั่นยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่

เมื่อวาน ผู้จัดการกองทุนต่างประเทศถามเรื่องนื้ ก็ตอบไปว่าประเทศไทยยังไม่เสียหายจากเรื่องนี้เลย คิดในแง่ดีก็คือเรามีเวลาที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิดให้เป็นถูก มีเวลาทำทุกอย่างที่คิดว่าดีให้มันถูกต้อง โปร่งใส และให้เป็นที่ยอมรับกันมากขึ้น ช้าไปสักปีก็ไม่ได้ทำให้เราล้าหลังจนวิ่งแข่งต่อไม่ได้ ในเมื่อเรายังป่วยอยู่ก็จำเป็นต้องพักรักษาตัวก่อน ไม่ฝืนไปเข้าลู่วิ่งแข่งขันทั้งๆ ที่สังขารไม่อำนวย เขาก็เข้าใจและไม่ได้มีทีท่าในเชิงลบ

ความเชื่อมั่นในประเทศของเราจึงไม่ได้เกิดจากการที่ต่างชาติมองเราอย่างไร แต่มันขึ้นกับทีท่าของคนไทยเองที่แสดงถึงความเชื่อมั่นนั้นต่อคนต่างชาติ ซึ่งข่าวลบส่วนใหญ่มักเกิดจากคนไทยทำร้ายกันเองมากกว่าจะเกิดจากต่างชาติ

ปัญหาทางเศรษฐกิจไม่ได้เกิดจากการที่โครงการ 2 ล้านล้านบาทต้องเป็นอันพับไปนับหนึ่งใหม่ แต่ตัวปัญหาที่แท้จริงคือการไม่มีรัฐบาล

คนตะวันตกบอกว่าการไม่มีรัฐบาลก็ดีเหมือนกัน เพราะทุกรัฐบาลต่างสร้างปัญหาให้บ้านเมืองกันทั้งนั้น ยิ่งรัฐบาลมีขนาดใหญ่ มีงบประมาณมาก มีพลังมาก้าวก่ายการทำธุรกิจที่ควรเป็นการแข่งขันอย่างเสรีมากเท่าใด ก็ยิ่งเป็นปัญหาต่อประเทศมากเท่านั้น

ทุกวันนี้เรามีแต่รัฐบาลรักษาการ ไม่มีอำนาจ เป็นเพียงสิ่งเทียมรัฐบาล นโยบายการคลังจึงเป็นเป็ดง่อย เหลือแต่นโยบายการเงินที่ขับเคลื่อนโดย ธปท. ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มใช้แล้วด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ไม่ให้ดับ น่าจะยังไม่ถึงขั้นกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เพราะยังต้องสำรองกระสุนอีก 2% ไว้ใช้ในยามยาก

เมื่อนโยบายการคลังเป็นเป็ดง่อย เอาออกมาใช้ขับดันเศรษฐกิจไม่ได้ นานไปภาคธุรกิจก็เริ่มเดือดร้อน เพราะไม่มีงานจากรัฐบาลไปป้อน ธุรกิจที่สายป่านยาวก็เก็บเงินไว้ก่อน ยังไม่ใช้เงินไปลงทุนในกิจการ เพราะยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนอยู่มาก

สิ่งเหล่านี้หากนานไปก็จะกระทบภาคการจ้างงาน ท่ามกลางการหมดพลังจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเพราะมีหนี้สินมากจนยืมเงินในอนาคตมาบริโภคเพิ่มในวันนี้ไม่ไหวแล้ว เกษตรกรที่เป็นพลังส่วนหนึ่งในการบริโภคก็พบกับปัญหา เช่นขายข้าวแล้วไม่ได้เงิน ก็เลยยิ่งทำให้หมดพลังในการจับจ่ายใช้สอย

จึงเห็นได้ว่าเครื่องยนต์เศรษฐกิจได้มีปัญหาไปแล้ว 3 ตัว คือ 1. การใช้งบประมาณของรัฐบาล 2. การลงทุนภาคเอกชน และ 3. การบริโภคภาคครัวเรือน เราจึงเหลือภาคการส่งออกกับการท่องเที่ยวเท่านั้นที่ต้องประคองและส่งเสริมให้ดีในยามนี้ หากห่วงใยบ้านเมืองกันจริงก็ต้องอย่าไปทำอะไรซ้ำเติม 2 เครื่องยนต์นี้ด้วยความต้องการจะเอาชนะกันบนความเสียหายของประเทศชาติ

การไม่มีรัฐบาลตัวจริงเสียงจริง จึงจะทิ้งไว้นานไปไม่ได้ กลางปีนี้หากยังไม่จบ ก็เกินจะคาดเดาถึงผลกระทบ

John F. Kennedy เคยกล่าวไว้ว่า การเมืองคือความขัดแย้งระหว่างการทำในสิ่งที่ถูกต้องกับการรักษาเก้าอี้

แม้ว่านักการเมืองที่ซื่อสัตย์คือคนที่ซื้อได้และไม่ทรยศผู้ซื้อ แม้ว่าการเมืองจะเป็นเรื่องที่ไม่มีมิตรตลอดไป ไม่มีศัตรูตลอดกาล มีแต่ผลประโยชน์ส่วนตนอันถาวรเท่านั้น แต่เราก็คาดหวังให้นักการเมืองไทยมีสำนึกทางการเมือง มีสำนึกทางจริยธรรม และมีสำนึกในแผ่นดินเกิด ทำในสิ่งที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง ไม่มัวแต่มุ่งรักษาเก้าอี้

อำนาจใดๆ ที่มีล้วนมาพร้อมกับหน้าที่และความรับผิดชอบ หากปราศจากซึ่งความรับผิดชอบในการกระทำของตนแล้ว อำนาจที่มีก็ย่อมหมดไปเพราะไม่มีใครยอมรับ

เมื่อไม่เคยมีคนที่ทำถูกตลอดกาลก็ไม่น่าจะมีคนที่ทำผิดไปทุกเรื่อง คนที่เจริญแล้วคือคนที่ทำผิดแล้วยอมรับผิด มีความกล้าหาญที่จะแก้ไขสิ่งผิดให้เป็นถูก

James Freeman Clarke บอกว่า นักการเมืองคิดแต่เรื่องเลือกตั้งครั้งหน้า รัฐบุรุษคิดถึงอนาคตของคนในรุ่นต่อไป นักการเมืองคิดเพื่อความสำเร็จของพรรค รัฐบุรุษคิดถึงเรื่องความสำเร็จของชาติ

เมื่อเป็นเช่นนี้ บ้านเมืองเราจึงต้องการรัฐบุรุษมากกว่านักการเมือง ซึ่งในท่ามกลางปัญหาทางการเมืองอย่างนี้ อย่าเพิ่งไปหมดหวัง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือกระบวนการเรียนรู้ประชาธิปไตยที่แท้จริงของประชาชน และประชาธิปไตยไม่ได้แปลว่าการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ยังมีส่วนประกอบอื่นๆ อีกมาก

เมื่อเราก้าวเดินไปได้ด้วยความเข้าใจ ด้วยความมั่นคง ด้วยจิตสำนึกอันถูกต้อง มีจริยธรรมแล้ว ประเทศไทยก็จะเริ่มฉายแสงของศักยภาพอันเข้มแข็งที่มีอยู่อย่างแท้จริงได้ โดยไม่ต้องกลับไปสลับสี สลับกลุ่มเดินบนท้องถนนกันอีก

ด้วยเหตุนี้ เราจึงเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมได้ว่าเราจะผ่านกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันทั้งประเทศไปได้ด้วยดีในที่สุด และเราก็ไม่ได้เป็นประเทศเดียวในโลกที่กำลังอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงหาสิ่งที่ลงตัวสำหรับตนเอง

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหรี่เสียงภายนอกลง แล้วไปโฟกัสที่ภาพใหญ่ โฟกัสไปที่บริษัทดีๆ ที่จะผ่านความยุ่งยากนี้ไปได้

เราไม่จำเป็นต้องรอให้โอกาสมาถึงแล้วค่อยเข้าไปลงทุน ถ้าเรามั่นใจในศักยภาพของประเทศว่าในที่สุดก็จะผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ไปได้  เราก็ต้องเตรียมรุกในทุกพอร์ตโฟลิโอกองทุนให้สอดคล้องนโยบายกองทุนและแนวโน้มของ Megatrends ที่จะเกิดขึ้น ในราคาที่ไม่แพง


กำลังโหลดความคิดเห็น