คอลัมน์บัวหลวง Money Tips
โดยกองทุนบัวหลวง
ท่ามกลางกระแส Megatrends ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่ AEC การขยายตัวของสังคมเมืองสู่หัวเมืองใหญ่ (Urbanization) หรือการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในอนาคต ยังเป็นเรื่องที่กองทุนบัวหลวงเชื่อมั่นว่าจะเกิดขึ้นเป็นกระแสหลักของทศวรรษ และแนวทางลงทุนของกองทุนบัวหลวงในปี 2557 ที่ว่า... “มีตรา ยั่งยืน โปร่งใส มีชัย ไปกับ AEC” ก็ยังคงสอดรับกับโอกาสการลงทุนต่างๆ เหล่านี้ โดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญๆ ดังต่อไปนี้
1. Urbanization Theme คือการขยายตัวของสังคมเมืองสู่หัวเมืองใหญ่ ทำให้เกิดกิจกรรมการค้า การลงทุน การจ้างงานมากขึ้น นอกจากนี้ Urbanization ก็ทำให้เกิดการขยายตัวของสังคมเมืองเล็กๆ ไปสู่ความเป็นเมืองใหญ่ จึงเกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อรองรับการขยายของสังคมเมือง
เมื่อเมืองขยาย มีธุรกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น คนก็จะมีรายได้และความมั่งคั่งมากขึ้น ทำให้เกิดการขยายตัวของกลุ่มชนชั้นกลาง ซึ่งเมื่อคนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อมากขึ้นก็จะจับจ่ายใช้สอยและลงทุนมากขึ้น มีการยกระดับคุณภาพชีวิตเพราะมีกำลังซื้อมากขึ้น ทำให้มีโอกาสเติบโตของสินค้าที่มี Brand เป็นอย่างมาก รวมไปถึงการปรับปรุงที่อยู่อาศัยตามระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และจะมีการเติบโตของ Chain Restaurants เพื่อมารองรับรสนิยมในการใช้ชีวิตที่ปรับเปลี่ยนไปใกล้คนเมืองใหญ่มากขึ้น
2. นอกเหนือจากปัจจัยภายในประเทศแล้ว การเกิดขึ้นของ AEC ก็ทำให้ตลาดเปิดกว้างขึ้น เพราะกิจการต่างๆ สามารถขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ และดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศมาลงทุนในกิจการและโครงการต่างๆ (FDI) ทำให้เกิดการพัฒนาในหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยธุรกิจ Commerce จะเป็น Distribution Channel ที่สำคัญมาก
3. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ทำให้สัดส่วนประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้น ผู้คนจะมีอายุขัยยืนยาวขึ้น และจะให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากขึ้น
4. การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม (Cultural Change) จากการที่โลกของการรับรู้ข้อมูลขยายกว้างและทั่วถึงมากขึ้น ทำให้มีการถ่ายเทวัฒนธรรมต่างๆ กันได้ทั่วโลก เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ของประชากรจะเปลี่ยนเป็นสากลมากขึ้น
สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นการเปลี่ยนแปลงของคนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยในอนาคต การแสวงหา “ความสุข” จากการดำรงชีวิตของคนที่เปลี่ยนแปลงไป จึงเป็นโอกาสของธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยสี่และการดำรงชีวิต
กองทุนบัวหลวงมองเห็นโอกาสในระยะยาวของกลุ่มธุรกิจต่างๆ เหล่านี้ จึงได้จัดตั้งกองทุนใหม่ที่ลงทุนในธุรกิจดังกล่าวที่เกี่ยวกับปัจจัยสี่ขึ้นมาเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ อันจะเป็นอีกทางเลือกในระยะยาวของผู้ลงทุนที่ต้องการเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณและต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษีของ RMF ได้แก่ กองทุนเปิดบัวหลวงปัจจัย 4 เพื่อการเลี้ยงชีพ (BBASICRMF)
กองทุนเปิดบัวหลวงปัจจัย 4 เพื่อการเลี้ยงชีพ (BBASICRMF) จะเน้นลงทุนในหุ้นของกิจการที่ทุกคนจำเป็น “ต้องกิน ต้องใช้” โดยที่ผู้ลงทุนยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขกองทุน RMF ทั้งนี้ BBASICRMF มีนโยบายเน้นการลงทุนในหุ้นของกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 อันได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค (สุขภาพ) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยจะมุ่งเน้นลงทุนในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มธุรกิจการบริการ ได้แก่ หมวดการแพทย์ และหมวดพาณิชย์ รวมกันเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศจะไม่เกินร้อยละ 25 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาลงทุนตามโอกาสในช่วงเวลานั้นๆ โดยจะบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุน BBASICRMF ซึ่งจะเสนอขาย IPO วันที่ 8-14 พ.ค.นี้ จึงเหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการสะสมความมั่งคั่งสำหรับไว้ใช้ในวัยเกษียณ รวมทั้งต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอในระยะยาว ทั้งนี้ กองทุนไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เนื่องจากตามกฎเกณฑ์นั้น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จ่ายเงินปันผลไม่ได้ ดังนั้น ผู้ลงทุนในกองทุน RMF จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปกำไร/ขาดทุน (Capital Gain/Loss) นอกเหนือสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับในปีที่ลงทุน
///การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและคู่มือภาษี RMF ก่อนตัดสินใจลงทุน///
โดยกองทุนบัวหลวง
ท่ามกลางกระแส Megatrends ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่ AEC การขยายตัวของสังคมเมืองสู่หัวเมืองใหญ่ (Urbanization) หรือการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในอนาคต ยังเป็นเรื่องที่กองทุนบัวหลวงเชื่อมั่นว่าจะเกิดขึ้นเป็นกระแสหลักของทศวรรษ และแนวทางลงทุนของกองทุนบัวหลวงในปี 2557 ที่ว่า... “มีตรา ยั่งยืน โปร่งใส มีชัย ไปกับ AEC” ก็ยังคงสอดรับกับโอกาสการลงทุนต่างๆ เหล่านี้ โดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญๆ ดังต่อไปนี้
1. Urbanization Theme คือการขยายตัวของสังคมเมืองสู่หัวเมืองใหญ่ ทำให้เกิดกิจกรรมการค้า การลงทุน การจ้างงานมากขึ้น นอกจากนี้ Urbanization ก็ทำให้เกิดการขยายตัวของสังคมเมืองเล็กๆ ไปสู่ความเป็นเมืองใหญ่ จึงเกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อรองรับการขยายของสังคมเมือง
เมื่อเมืองขยาย มีธุรกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น คนก็จะมีรายได้และความมั่งคั่งมากขึ้น ทำให้เกิดการขยายตัวของกลุ่มชนชั้นกลาง ซึ่งเมื่อคนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อมากขึ้นก็จะจับจ่ายใช้สอยและลงทุนมากขึ้น มีการยกระดับคุณภาพชีวิตเพราะมีกำลังซื้อมากขึ้น ทำให้มีโอกาสเติบโตของสินค้าที่มี Brand เป็นอย่างมาก รวมไปถึงการปรับปรุงที่อยู่อาศัยตามระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และจะมีการเติบโตของ Chain Restaurants เพื่อมารองรับรสนิยมในการใช้ชีวิตที่ปรับเปลี่ยนไปใกล้คนเมืองใหญ่มากขึ้น
2. นอกเหนือจากปัจจัยภายในประเทศแล้ว การเกิดขึ้นของ AEC ก็ทำให้ตลาดเปิดกว้างขึ้น เพราะกิจการต่างๆ สามารถขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ และดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศมาลงทุนในกิจการและโครงการต่างๆ (FDI) ทำให้เกิดการพัฒนาในหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยธุรกิจ Commerce จะเป็น Distribution Channel ที่สำคัญมาก
3. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ทำให้สัดส่วนประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้น ผู้คนจะมีอายุขัยยืนยาวขึ้น และจะให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากขึ้น
4. การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม (Cultural Change) จากการที่โลกของการรับรู้ข้อมูลขยายกว้างและทั่วถึงมากขึ้น ทำให้มีการถ่ายเทวัฒนธรรมต่างๆ กันได้ทั่วโลก เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ของประชากรจะเปลี่ยนเป็นสากลมากขึ้น
สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นการเปลี่ยนแปลงของคนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยในอนาคต การแสวงหา “ความสุข” จากการดำรงชีวิตของคนที่เปลี่ยนแปลงไป จึงเป็นโอกาสของธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยสี่และการดำรงชีวิต
กองทุนบัวหลวงมองเห็นโอกาสในระยะยาวของกลุ่มธุรกิจต่างๆ เหล่านี้ จึงได้จัดตั้งกองทุนใหม่ที่ลงทุนในธุรกิจดังกล่าวที่เกี่ยวกับปัจจัยสี่ขึ้นมาเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ อันจะเป็นอีกทางเลือกในระยะยาวของผู้ลงทุนที่ต้องการเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณและต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษีของ RMF ได้แก่ กองทุนเปิดบัวหลวงปัจจัย 4 เพื่อการเลี้ยงชีพ (BBASICRMF)
กองทุนเปิดบัวหลวงปัจจัย 4 เพื่อการเลี้ยงชีพ (BBASICRMF) จะเน้นลงทุนในหุ้นของกิจการที่ทุกคนจำเป็น “ต้องกิน ต้องใช้” โดยที่ผู้ลงทุนยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขกองทุน RMF ทั้งนี้ BBASICRMF มีนโยบายเน้นการลงทุนในหุ้นของกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 อันได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค (สุขภาพ) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยจะมุ่งเน้นลงทุนในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มธุรกิจการบริการ ได้แก่ หมวดการแพทย์ และหมวดพาณิชย์ รวมกันเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศจะไม่เกินร้อยละ 25 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาลงทุนตามโอกาสในช่วงเวลานั้นๆ โดยจะบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุน BBASICRMF ซึ่งจะเสนอขาย IPO วันที่ 8-14 พ.ค.นี้ จึงเหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการสะสมความมั่งคั่งสำหรับไว้ใช้ในวัยเกษียณ รวมทั้งต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอในระยะยาว ทั้งนี้ กองทุนไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เนื่องจากตามกฎเกณฑ์นั้น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จ่ายเงินปันผลไม่ได้ ดังนั้น ผู้ลงทุนในกองทุน RMF จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปกำไร/ขาดทุน (Capital Gain/Loss) นอกเหนือสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับในปีที่ลงทุน
///การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและคู่มือภาษี RMF ก่อนตัดสินใจลงทุน///
