นักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิป แนะนักลงทุนรับความเสี่ยงได้ทยอยลงทุนกองทุนจีน หลังจีนประกาศกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ชี้ลงทุนยาวเกิน 3 ปีขึ้นไปช่วยลดความผันผวนได้ พร้อมแนะหากลงทุนกองทุนหุ้นไทยให้ใช้เทคนิค Dollar Cost Averaging ช่วยลดต้นทุนได้
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า การที่ประเทศจีนประกาศว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเล็กน้อยเพื่อที่จะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อยู่ที่ 7-7.5% ส่งผลให้เราคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจีนอาจจะมีการปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจจีนกำลังปรับตัวเข้าสู่สมดุล
“เราแนะนำให้ทยอยสะสมกองทุนจีนได้ แต่การลงทุนจะต้องเน้นไปที่การลงทุนแบบระยะยาว โดยลงทุนมากกว่า 3 ปีขึ้นไปเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงที่ผันผวนจากการที่มีการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน”
สำหรับ GDP ไตรมาส 4 ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเป็น 2.6% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ 2.4% รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ปรับตัวดีขึ้น แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าต่อไปได้และมีแนวโน้มที่จะดีต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับเพิ่มดอกเบี้ยต้นปีหน้า ส่วนธนาคารกลางยุโรปมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเนื่องจากค่าเงินที่แข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว และจากข่าวการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงนี้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนในพันธบัตรของสเปน อิตาลี โปรตุเกส ปรับลดต่ำอย่างมากในรอบหลายเดือน เพราะมีแรงซื้อเก็งกำไรในพันธบัตรก่อนมีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง
ขณะที่การเพิ่มภาษีของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมาอาจจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน แน่นอนว่าอาจจะส่งผลต่อตลาดหุ้นในช่วงนี้ แต่รัฐบาลญี่ปุ่นได้เตรียมเงินไว้ถึง 10 ล้านล้านเยนที่พร้อมจะอัดฉีดเข้าสู่ระบบเพื่อเพิ่มสภาพคล่องหากมีปัญหาที่จะทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ
ในส่วนของวิกฤตไครเมียยังต้องติดตามการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และยุโรปว่าจะมีมาตรการใดออกมา ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเรายังคงคำแนะนำสะสมกองทุนหุ้นต่างประเทศแต่ให้จับตาวิกฤตไครเมียอย่างใกล้ชิด
นายสานุพงศ์ กล่าวต่อว่า การลงทุนในกองทุนหุ้นนั้นเรายังคงแนะนำให้ทยอยสะสมกองทุนหุ้นแบบเฉลี่ยซื้อทุกเดือนเพื่อลดความเสี่ยงจากการเมืองในช่วงนี้ สำหรับการลงทุนในทองคำนั้นเรายังคงแนะนำให้ wait and see ถ้าหากราคาทองปรับตัวขึ้นและสามารถผ่านแนวต้านที่ 1,400 จุดไปได้เราแนะนำให้ลงทุน ทั้งนี้เราคาดการณ์ว่าสัปดาห์นี้ทองคำมีแนวโน้มปรับลดลงอีก เนื่องจากทองคำได้รับปัจจัยลบจากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของสหรัฐฯ-ยุโรป และถ้าไม่มีปัจจัยจากเหตุการณ์ในคาบสมุทรไครเมียเข้ามาทำให้เกิดความกังวลในช่วงนี้เพิ่มเติม