ไทยสมุทรประกันชิวิตสานต่อตลาดภูธร ย้ำลูกค้าหลักของบริษัท ตั้งเป้าเบี้ยปีแรกเพิ่มอีก 4,700 ล้านบาท พร้อมผ่อนเกณฑ์จ่ายเบี้ยช่วยชาวนา หลังรัฐบาลจ่ายเงินจำนำข้าวช้า ระบุปีนี้มีตัวแทนเพิ่มอีก 3,600 คน และรักษาอัตราคงอยู่ของกรมธรรม์ให้ได้ถึง 83%
นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทยังคงเน้นการเจาะตลาดต่างจังหวัดตามที่เคยตั้งเป้าไว้ ซึ่งตลาดต่างจังหวัดถือเป็นลูกค้าหลักของบริษัทมาโดยตลอด และได้มีการขยายตัวแทนที่อยู่ในต่างจังหวัดที่เป็นคนท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น โดยในปีนี้คาดว่าการเติบโตของเบี้ยประกันภัยปีแรกของบริษัทน่าจะเติบโตได้ถึง 30% หรือ 4,700 ล้านบาท ส่วนเบี้ยรับรวมน่าจะเติบโตได้ถึง 15% หรือประมาณ 15,000 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถสร้างตัวแทนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3,600 คน จากเดิมที่มีจำนวนตัวแทนอยู่แล้ว 17,000 คน
“การเติบโตในระดับ 30% เป็นตัวเลขที่เราจะรักษาส่วนแบ่งตลาดในอันดับปัจจุบันได้ ซึ่งเรามีจุดแข็งเรื่องตัวแทนที่เป็นคนพื้นที่ในต่างจังหวัด แต่เราก็ต้องหาลูกค้ามากขึ้นเพราะทุนประกันแต่ละรายของต่างจังหวัดจะไม่สูงมากทำให้ต้องเพิ่มด้านจำนวนลูกค้า นอกจากนี้ยังต้องรักษาอัตราการคงอยู่ของกรมธรรม์ให้เพิ่มอีก 2-3% จากเดิมอยู่ที่ 80% และจะทำให้เป้าที่ตั้งไว้สามารถทำได้ตามที่ต้องการ” นางนุสรากล่าว
นางนุสรากล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ชาวนาที่เป็นลูกค้าของบริษัทยังไม่ได้รับการชำระเงินจากทางรัฐบาลนั้นทางบริษัทมีมาตรการผ่อนผันเอาไว้รองรับอยู่แล้ว ซึ่งลูกค้าของบริษัทสามารถผ่อนผันการชำระเบี้ยได้นานกว่า 2 เดือน และยังสามารถกู้เงินจากกรมธรรม์มาก่อนเพื่อชำระได้อีกด้วย
ส่วนแนวโน้มของลูกค้ากลุ่มนี้คงต้องขึ้นอยู่กับรายได้ และราคาสินค้าเกษตร แต่บริษัทเองก็มีโครงการที่จะเข้าไปช่วยเหลือเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ชนบทด้วย เพราะถือว่าคนกลุ่มนี้เป็นลูกค้าของบริษัท
“ลูกค้าเราเป็นคนในต่างจังหวัด ถ้าจะให้ดูคงเป็นเรื่องราคาข้าวและยางพารา ส่วนการชุมนุมทางการเมืองตอนนี้ยอมรับว่ามีผลกระทบบ้างแต่ไม่ได้กระทบมากนัก เพราะดูจากเบี้ยที่เข้ามาในช่วงเดือนที่มีการชุมนุมก็ไม่ได้ลดลง เพียงแต่ถ้ากระทบอาจกระทบในเรื่องการเติบโตของเบี้ยมากกว่า” นางนุสรากล่าว
รอจังหวะเพิ่มลงทุนหุ้น
นางสาวสุวรรณ อุดมเฉลิมเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานลงทุน บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในปีนี้จะต้องขึ้นอยู่กับจังหวะ และการคัดเลือกหุ้นมากขึ้น โดยหุ้นช่วงที่ผ่านมามีการขายทำกำไรออกไปบ้าง แต่คงยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นช่วงไหน และคงจะต้องดูสถานการณ์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ไปก่อน
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์ลงทุนประมาณ 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 50% การลงทุนในหุ้นกู้ 25% เงินให้กู้ยืมตามกรมธรรม์ 10% ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนในหุ้นกู้ทั่วไป เงินฝาก และอื่นๆ โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 6.19%
“ผลตอบแทนในปีนี้คงจะพยายามให้อยู่ที่ระดับ 6% แต่คงต้องดูหลายอย่างประกอบกัน แต่การปรับเกณฑ์การลงทุนใหม่ของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยน่าจะช่วยให้บริษัทมีทางเลือกในการลงทุนได้มากและดีขึ้น” นางสาวสุวรรณกล่าว
นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทยังคงเน้นการเจาะตลาดต่างจังหวัดตามที่เคยตั้งเป้าไว้ ซึ่งตลาดต่างจังหวัดถือเป็นลูกค้าหลักของบริษัทมาโดยตลอด และได้มีการขยายตัวแทนที่อยู่ในต่างจังหวัดที่เป็นคนท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น โดยในปีนี้คาดว่าการเติบโตของเบี้ยประกันภัยปีแรกของบริษัทน่าจะเติบโตได้ถึง 30% หรือ 4,700 ล้านบาท ส่วนเบี้ยรับรวมน่าจะเติบโตได้ถึง 15% หรือประมาณ 15,000 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถสร้างตัวแทนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3,600 คน จากเดิมที่มีจำนวนตัวแทนอยู่แล้ว 17,000 คน
“การเติบโตในระดับ 30% เป็นตัวเลขที่เราจะรักษาส่วนแบ่งตลาดในอันดับปัจจุบันได้ ซึ่งเรามีจุดแข็งเรื่องตัวแทนที่เป็นคนพื้นที่ในต่างจังหวัด แต่เราก็ต้องหาลูกค้ามากขึ้นเพราะทุนประกันแต่ละรายของต่างจังหวัดจะไม่สูงมากทำให้ต้องเพิ่มด้านจำนวนลูกค้า นอกจากนี้ยังต้องรักษาอัตราการคงอยู่ของกรมธรรม์ให้เพิ่มอีก 2-3% จากเดิมอยู่ที่ 80% และจะทำให้เป้าที่ตั้งไว้สามารถทำได้ตามที่ต้องการ” นางนุสรากล่าว
นางนุสรากล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ชาวนาที่เป็นลูกค้าของบริษัทยังไม่ได้รับการชำระเงินจากทางรัฐบาลนั้นทางบริษัทมีมาตรการผ่อนผันเอาไว้รองรับอยู่แล้ว ซึ่งลูกค้าของบริษัทสามารถผ่อนผันการชำระเบี้ยได้นานกว่า 2 เดือน และยังสามารถกู้เงินจากกรมธรรม์มาก่อนเพื่อชำระได้อีกด้วย
ส่วนแนวโน้มของลูกค้ากลุ่มนี้คงต้องขึ้นอยู่กับรายได้ และราคาสินค้าเกษตร แต่บริษัทเองก็มีโครงการที่จะเข้าไปช่วยเหลือเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ชนบทด้วย เพราะถือว่าคนกลุ่มนี้เป็นลูกค้าของบริษัท
“ลูกค้าเราเป็นคนในต่างจังหวัด ถ้าจะให้ดูคงเป็นเรื่องราคาข้าวและยางพารา ส่วนการชุมนุมทางการเมืองตอนนี้ยอมรับว่ามีผลกระทบบ้างแต่ไม่ได้กระทบมากนัก เพราะดูจากเบี้ยที่เข้ามาในช่วงเดือนที่มีการชุมนุมก็ไม่ได้ลดลง เพียงแต่ถ้ากระทบอาจกระทบในเรื่องการเติบโตของเบี้ยมากกว่า” นางนุสรากล่าว
รอจังหวะเพิ่มลงทุนหุ้น
นางสาวสุวรรณ อุดมเฉลิมเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานลงทุน บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในปีนี้จะต้องขึ้นอยู่กับจังหวะ และการคัดเลือกหุ้นมากขึ้น โดยหุ้นช่วงที่ผ่านมามีการขายทำกำไรออกไปบ้าง แต่คงยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นช่วงไหน และคงจะต้องดูสถานการณ์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ไปก่อน
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์ลงทุนประมาณ 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 50% การลงทุนในหุ้นกู้ 25% เงินให้กู้ยืมตามกรมธรรม์ 10% ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนในหุ้นกู้ทั่วไป เงินฝาก และอื่นๆ โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 6.19%
“ผลตอบแทนในปีนี้คงจะพยายามให้อยู่ที่ระดับ 6% แต่คงต้องดูหลายอย่างประกอบกัน แต่การปรับเกณฑ์การลงทุนใหม่ของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยน่าจะช่วยให้บริษัทมีทางเลือกในการลงทุนได้มากและดีขึ้น” นางสาวสุวรรณกล่าว