ซีไอเอ็มบีไทยตั้งเป้าปี 57 เบี้ยประกันผ่านแบงก์โตอีก 1,800 ล้านบาท หลังปีนี้ยอดทะลุเป้าแตะ 1,200 ล้านบาท เล็งปรับกลยุทธ์ออกสินค้าคุ้มครองชีวิตเหลือ 70% และเพิ่มประกันภัยรถยนต์เป็น 30%
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMB THAI เปิดเผยว่า ในปี 57ธนาคารฯ ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมของธุรกิจประกันชีวิตผ่านช่องทางธนาคารให้เติบโตประมาณ 1,800 ล้านบาท โดยแผนการเพิ่มเบี้ยดังกล่าวให้เป็นไปตามเป้าหมายนั้น ธนาคารจะร่วมมือกับบริษัทในเครือธนาคารมากขึ้น ทั้งในส่วนของบริษัท เซ็นเตอร์ ออโต้ ลีส จํากัด บริษัทเช่าซื้อรถนั่งส่วนบุคคล และบริษัท เวิลด์ ลีส จำกัด บริษัทเช่าซื้อรถจักรยายาน เพื่อบุกตลาดประกันภัยและประกันพีเอ
สำหรับพันธมิตรทางธุรกิจแบงก์แอสชัวร์รันซ์ยังคงเป็นพันธมิตรด้านประกันชีวิต คือ บริษัทไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ส่วนประกันภัยคือ บริษัท ศรีอยุธยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยไม่มีแนวคิดในการหาพันธมิตรรายใหม่ เนื่องจากพันธมิตรเดิมมีสินค้าที่หลากหลายและครอบคลุมธุรกิจ
ส่วนปีนี้เบี้ยรับรวมของธุรกิจแบงก์แอสชัวร์รันซ์คาดว่าเติบโตเกินเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากเบี้ยรับรวมล่าสุดทะลุเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น สิ้นปี 2556 เบี้ยรับรวมของธุรกิจแบงก์แอสชัวรันซ์ของธนาคารจะปิดที่ 1,200 ล้านบาท
ส่วนค่าธรรมเนียม หรือค่าฟีธุรกิจแบงก์แอสชัวรันซ์ปีนี้เติบโตประมาณ 280 ล้านบาท เติบโตกว่าช่วงปีที่ผ่านมา 30-40% โดยช่วงปี 2555 ค่าฟีมีประมาณ 200 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าช่วงปี 2557 อัตราการเติบโตของค่าพีดังกล่าวจะเติบโตสูงขึ้นประมาณ 25-30%
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของเบี้ยประกันที่ 1,200 ล้านบาท ประมาณ 600 ล้านบาทมาจากกรมธรรม์คุ้มครองสินเชื่อซึ่งเติบโตประมาณ 100% จากช่วงปีที่ผ่านมา และที่เหลืออีกครึ่งคือ 600 ล้านบาทมาจากกรมธรรม์ประกันชีวิตทั่วๆ ไปโตประมาณ 10% จากช่วงปีที่ผ่านมารวมถึงประกันอื่นๆ
นายอดิศร กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เบี้ยรับรวมดังกล่าวเติบโตดี เป็นผลมาจากช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้เพิ่มความหลากหลายให้แก่ลูกค้า และรุกตลาดกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น ส่งผลให้เบี้ยรับรวมโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าช่วงปีที่ผ่านมาในส่วนของเบี้ยประกันชีวิตจะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป โดยมีกรมธรรม์ประเภทออมทรัพย์จำนวนมาก
ดังนั้น เพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายได้น้อยมากขึ้น ธนาคารจะมีการปรับแผนการออกกรมธรรม์เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น โดยกรมธรรม์ประเภทออมทรัพย์ใหม่ๆ ที่ให้ผลตอบแทนดีจะไม่มีในท้องตลาดแล้ว แต่จะเน้นขายกรมธรรม์ดังกล่าวที่มีอยู่มากกว่า พร้อมปรับสัดส่วนกรมธรรม์ใหม่จากเดิมที่เน้นประกันสุขภาพและคุ้มครองชีวิตประมาณ 90% และเป็นประกันออมทรัพย์ 10% ปรับใหม่เป็นประกันสุขภาพและคุ้มครองชีวิตรวมถึงออมทรัพย์ 70% ที่เหลือ 30% ประกันภัยรถยนต์
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMB THAI เปิดเผยว่า ในปี 57ธนาคารฯ ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมของธุรกิจประกันชีวิตผ่านช่องทางธนาคารให้เติบโตประมาณ 1,800 ล้านบาท โดยแผนการเพิ่มเบี้ยดังกล่าวให้เป็นไปตามเป้าหมายนั้น ธนาคารจะร่วมมือกับบริษัทในเครือธนาคารมากขึ้น ทั้งในส่วนของบริษัท เซ็นเตอร์ ออโต้ ลีส จํากัด บริษัทเช่าซื้อรถนั่งส่วนบุคคล และบริษัท เวิลด์ ลีส จำกัด บริษัทเช่าซื้อรถจักรยายาน เพื่อบุกตลาดประกันภัยและประกันพีเอ
สำหรับพันธมิตรทางธุรกิจแบงก์แอสชัวร์รันซ์ยังคงเป็นพันธมิตรด้านประกันชีวิต คือ บริษัทไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ส่วนประกันภัยคือ บริษัท ศรีอยุธยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยไม่มีแนวคิดในการหาพันธมิตรรายใหม่ เนื่องจากพันธมิตรเดิมมีสินค้าที่หลากหลายและครอบคลุมธุรกิจ
ส่วนปีนี้เบี้ยรับรวมของธุรกิจแบงก์แอสชัวร์รันซ์คาดว่าเติบโตเกินเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากเบี้ยรับรวมล่าสุดทะลุเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น สิ้นปี 2556 เบี้ยรับรวมของธุรกิจแบงก์แอสชัวรันซ์ของธนาคารจะปิดที่ 1,200 ล้านบาท
ส่วนค่าธรรมเนียม หรือค่าฟีธุรกิจแบงก์แอสชัวรันซ์ปีนี้เติบโตประมาณ 280 ล้านบาท เติบโตกว่าช่วงปีที่ผ่านมา 30-40% โดยช่วงปี 2555 ค่าฟีมีประมาณ 200 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าช่วงปี 2557 อัตราการเติบโตของค่าพีดังกล่าวจะเติบโตสูงขึ้นประมาณ 25-30%
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของเบี้ยประกันที่ 1,200 ล้านบาท ประมาณ 600 ล้านบาทมาจากกรมธรรม์คุ้มครองสินเชื่อซึ่งเติบโตประมาณ 100% จากช่วงปีที่ผ่านมา และที่เหลืออีกครึ่งคือ 600 ล้านบาทมาจากกรมธรรม์ประกันชีวิตทั่วๆ ไปโตประมาณ 10% จากช่วงปีที่ผ่านมารวมถึงประกันอื่นๆ
นายอดิศร กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เบี้ยรับรวมดังกล่าวเติบโตดี เป็นผลมาจากช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้เพิ่มความหลากหลายให้แก่ลูกค้า และรุกตลาดกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น ส่งผลให้เบี้ยรับรวมโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าช่วงปีที่ผ่านมาในส่วนของเบี้ยประกันชีวิตจะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป โดยมีกรมธรรม์ประเภทออมทรัพย์จำนวนมาก
ดังนั้น เพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายได้น้อยมากขึ้น ธนาคารจะมีการปรับแผนการออกกรมธรรม์เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น โดยกรมธรรม์ประเภทออมทรัพย์ใหม่ๆ ที่ให้ผลตอบแทนดีจะไม่มีในท้องตลาดแล้ว แต่จะเน้นขายกรมธรรม์ดังกล่าวที่มีอยู่มากกว่า พร้อมปรับสัดส่วนกรมธรรม์ใหม่จากเดิมที่เน้นประกันสุขภาพและคุ้มครองชีวิตประมาณ 90% และเป็นประกันออมทรัพย์ 10% ปรับใหม่เป็นประกันสุขภาพและคุ้มครองชีวิตรวมถึงออมทรัพย์ 70% ที่เหลือ 30% ประกันภัยรถยนต์
