บลจ.ยูโอบีโชว์ปันผลกองทุน ไทย แวลู โฟกัส ครั้งที่ 4 อีก 3.016 บาทต่อหน่วย ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ระบุแนวเศรษฐกิจโลกปีหน้ายังเติบโต แต่ต้องจับตาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อ ส่วนเศรษฐกิจไทยปีหน้ายังได้รับแรงกดดันจากการเมือง และการบริโภคที่ชะลอลง ส่วนหุ้นไทยยังน่าสนใจในระยะกลางถึงยาว
นางสาวณัชชา สุนทรธาราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายปันผลกองทุนเปิด ไทย แวลู โฟกัส อิควิตี้ ปันผล (VFOCUS-D) ให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 12 ธ.ค. 2556 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.40 บาท จากผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ส.ค.-31 ต.ค. 2556 ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 4 คิดเป็นเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 3.016 บาทต่อหน่วยลงทุน ในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่มีการจ่ายเงินปันผลครั้งแรก (12 ธ.ค. 2555)
สำหรับกองทุนเปิด ไทย แวลู โฟกัส อิควิตี้ ปันผล (VFOCUS-D) มีกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานและผลการดำเนินงานที่ดี สร้างกำไรดีสม่ำเสมอ และมีรายได้ไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ รวมไปถึงบริษัทที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือของหลักทรัพย์ในกลุ่มเดียวกัน และเป็นหุ้นที่มีมูลค่าราคาที่เหมาะสม ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวจึงส่งผลให้กองทุน VFOCUS-D มีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีเป็นอันดับ 2 ที่ 16.47%
“แม้ตลาดหุ้นไทยในไตรมาสที่ผ่านมาจะมีความผันผวน จากแรงกดดันทั้งจากเศรษฐกิจโลกและปัจจัยต่างๆ ภายในประเทศ แต่ด้วยความเชี่ยวชาญการลงทุนหุ้นไทยของผู้จัดการกองทุนที่คอยติดตามภาวะตลาด พร้อมกลยุทธ์การลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นได้ จึงส่งผลให้กองทุนนี้มีผลประกอบการดี สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่นักลงทุนได้”
นางสาวณัชชา กล่าวอีกว่า แนวโน้มการลงทุนในปีน้าบริษัทคาดว่า เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ตัวเลข GDP ปี 2556 ที่ 2.9% และ 3.6% ในปี 2557 (ที่มา IMF ณ ต.ค. 2556) ในขณะที่ยังต้องติดตามการประชุมเพื่อพิจารณามาตรการต่างๆ ของ Fed โดย บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) มีความเห็นว่าสหรัฐฯ จะยังไม่มีนโยบายใดๆ หรือถอดถอนมาตรการต่างๆ อย่างฉับพลัน เนื่องจากจะส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อยู่ในภาวะฟื้นตัว ด้านเศรษฐกิจยุโรปเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีสัญญาณบวกจากธนาคารกลางยุโรปปรับลดดอกเบี้ยนโยบายจากร้อยละ 0.50 ไปที่ร้อยละ 0.25 พร้อมกับยังคงนโยบายทางการเงินที่จะสนับสนุนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจต่อไป
ขณะที่ภูมิภาคเอเชีย อย่างจีนที่เริ่มเน้นการเติบโตแบบยั่งยืน แม้ว่าในปีนี้การเติบโตของเศรษฐกิจจะชะลอตัวอยู่ที่ 7.6% ถือเป็นตัวเลขการเติบโตมากกว่าคาดการณ์ ส่วนเศรษฐกิจไทย บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) มีมุมมองว่าจะเติบโต 3-4% โดยได้รับความกดดันทางการเมืองทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลง อีกทั้งภาวะหนี้ครัวเรือนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น และการเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐที่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้อย่างเต็มที่ ด้านการลงทุนในตลาดหุ้นไทย บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกในระยะกลางถึงระยะยาวต่อการลงทุน โดยภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวและผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของบริษัทต่างๆ ในปี 2556 จะช่วยหนุนให้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยดีขึ้น