บลจ.ทิสโก้ ประเมินหุ้นไทยในปี 2557 ยังมีความผันผวนมากขึ้น ส่งผลให้จังหวะการซื้อการขายเริ่มยากขึ้น พร้อมมองทริกเกอร์ฟันด์ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้แต่ต้องใช้ Timing ในการจับจังหวะ
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยจะมีลักษณะการซื้อขายแบบเทรดดิ้งมาร์เก็ต ซึ่งจะมีจังหวะให้เข้าออกเป็นระลอก โดยยังมีโอกาสให้กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ได้เข้าไปทำกำไรบ้างแต่คงจะต้องดูภาวะตลาด ที่ผ่านมาบลจ.ทิสโก้ได้ส่งกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ทั้งลงทุนในไทย และต่างประเทศลงตลาดเสมอ โดยทุกครั้งที่ออกจะต้องเห็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนประมาณ 10-15% และเวลาออกกองทุนตั้งเป้าหมายผลตอบแทนอยู่ที่ 8% โดยเราได้ทำรีพอร์ตไว้ว่าดัชนีหุ้นไทยจะอยู่ที่เท่าไรและจะมีการแกว่งตัวหรือขึ้นลงที่เท่าไร หากกองทุนยังไม่ทริกเกอร์ก็จะเปิดให้เป็นกองทุนเปิด แต่หลังจากเป็นกองเปิดแล้วส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาเพียง 1-2 เดือนผลตอบแทนก็เข้าเป้าตามที่ตั้งไว้
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาบลจ.มีบทบาทมากขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน ขณะเดียวกันหุ้นไทยเริ่มเล่นยากขึ้น ซึ่งกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ก็เป็นตัวช่วยที่ดีของนักลงทุน สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนในปี 2557 นั้นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีก็ยังเป็นการลงทุนในตลาดหุ้น แต่หากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ก็ควรจะกระจายการลงทุนไปลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้วเช่น สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น และตลาดเกิดใหม่อย่างจีน ส่วนการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ก็ควรจะปรับระยะของการถือครองตราสารหนี้ระยะสั้นประมาณ 1-2 ปี เนื่องจากดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งปีหลังของไทยอาจมีการปรับขึ้น
ทั้งนี้เรามองว่าตลาดหุ้นจีนยังคงซื้อขายอยู่ในระดับต่ำ โดยราคาหุ้นปัจจุบันของดัชนี HSCEI เทรดที่ระดับประมาณ 1.1 เท่าของมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในช่วงวิกฤต Subprime ในปี 2008 ที่สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ในขณะที่ระดับ P/E ของหุ้นจีนยังน้อยกว่า 8 เท่า ซึ่งยังถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว ทำให้ตลาดหุ้นจีนยังมี Upside อีกมาก โดยเฉพาะนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจจีนในแผนพัฒนา 10 ปี ซึ่งมาตรการเชิงบวกของจีนมีอยู่ 10 ประการ คือ 1. การผ่อนคลายกฎระเบียบการลงทุนของภาคเอกชน 2. การผ่อนคลายกฎระเบียบการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ 3. การเปิดเสรีทางการเงิน 4. การปฏิรูปที่ดินและระบบการจดทะเบียนครัวเรือน
5. การปฏิรูปการกำหนดราคาทรัพยากร 6. การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ 7. การปฏิรูปภาคการคลัง 8. การปฏิรูประบบประกันสังคม 9. การพัฒนาตลาดพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่น และ 10. การผ่อนคลายนโยบายบุตรหนึ่งคน
นายธีรนาถ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือ AUM ในปีนี้ก็ยังเติบโตอยู่ แม้ว่าในธุรกิจการเงินจะมีการแข่งขันกันพอสมควร แต่บลจ.ทิสโก้ก็ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ส่วนกองทุนส่วนบุคคลก็เติบโตด้วยเช่นกัน
ขณะที่กองทุนรวมนั้นก็ยังเติบโตได้โดยเฉพาะกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ส่วนกองทุนรวมที่ไปลงทุนในต่างประเทศก็มีครบแล้วซึ่งหากเรามองว่าจังหวะไหนควรลงทุนกองต่างประเทศกองใดก็จะมีการโปรโมทกองทุนที่มีอยู่เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน