ASTVผู้จัดการรายวัน - "โกลว์ พลังงาน"เตรียมยื่นประมูลไอพีพี 2 โรง รวม 2 พันเมกะวัตต์แถวปลวกแดง จ.ระยอง ลั่นพร้อมลุยโรงไฟฟ้าถ่านหินหากรัฐเปิดประมูลไอพีพีที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ส่วนการลงทุนต่างประเทศอยู่ระหว่างเจรจาเงื่อนไขสัมปทานส่วนขยายโรงไฟฟ้าห้วยเหาะที่ลาวอีก 120เมกะวัตต์
นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน)(GLOW) เปิดเผยว่า บริษัทฯจะยื่นประมูลโรงไฟฟ้าผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี)รอบใหม่ 2 โรงในวันที่ 29 เม.ย.นี้ คิดกำลังการผลิตรวม 2 พันเมกะวัตต์ ในพื้นที่อ.ปลวกแดง จ.ระยอง
โดยพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้าดังกล่าวนี้อยู่ในนิคมฯเหมราช และเป็นพื้นที่เดิมซึ่งบริษัทฯเคยใช้ยื่นประมูลไอพีพีก่อนหน้านี้แล้ว โดยทำเลที่ตั้งมีความได้เปรียบเพราะอยู่ใกล้ท่อส่งก๊าซฯ และสถานีย่อยและสายส่งไฟฟ้าขนาด 500 เควีของกฟผ. ขณะเดียวกันบริษัทฯมั่นใจว่าจะบริหารความเสี่ยงด้านการเงินได้แม้ว่าระยะเวลาการจ่ายไฟเข้าระบบของโครงการโรงไฟฟ้าไอพีพีรอบนี้ค่อนข้างนานโดยเริ่มจ่ายไฟในปี 2564
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีความพร้อมประมูลโรงไฟฟ้าไอพีพีที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง หากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพื่อรองรับความต้องการใช้ในอนาคต เนื่องจากบริษัทฯมีประสบการณ์ในโรงไฟฟ้าถ่านหินเก็คโค่ วันอยู่แล้ว
นายณัฐพรรษ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังลมขนาด 50 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดนครราชสีมา มูลค่าเงินลงทุน 4.5 พันล้านบาทว่า โครงการดังกล่าวยังไม่มีความคืบหน้าเพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงพลังงาน โดยโครงการนี้บริษัทฯจะเข้าไปถือหุ้น 49%
ส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้านนั้น บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจาเงื่อนไขสัมปทานโครงการส่วนขยายโรงไฟฟ้าพลังน้ำห้วยเหาะ ที่สปป.ลาว อีก 120 เมกะวัตต์ จากเดิมที่ผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว 150 เมกะวัตต์ หากการเจรจาแล้วเสร็จก็จะดำเนินการก่อสร้างใช้เวลา 3ปี ใช้เงินลงทุน 150 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4.5 พันล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯยังหาลู่ทางการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศพม่า แต่ไม่รีบร้อน เนื่องจากกฎระเบียบการลงทุนของพม่ายังต้องปรับปรุงแก้ไขคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะปรับปรุงกฎหมายแล้วเสร็จ ซึ่งขณะนี้ก็มีนักลงทุนหลายรายชวนให้บริษัทนเข้าไปร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าป้อนในนิคมฯที่พม่า
ด้านแผนการดำเนินงานในปี 2556 บริษัทฯปีที่รับรู้รายได้เต็มปีจากการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 พันเมกะวัตต์ โดยปีนี้อาจไม่มีการลงทุนโครงการใหม่ๆเพิ่มเติม ดังนั้นบริษัทฯจึงมีนโยบายที่จะเพิ่มการจ่ายปันผล และมีแผนจะลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลงเหลือ 1 เท่าในปี 2558 จากปัจจุบันบริษัทฯมี D/Eอยู่ที่ 2 เท่า โดยช่วง 2ปีนี้ บริษัทฯจะชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนดปีละ 8 พันล้านบาท เพื่อให้บริษัทฯมีความพร้อมในการกู้เงินเพิ่มขึ้นหากมีโครงการลงทุนใหม่ๆเข้ามาในอนาคต
***ราชบุรีฯปฏิเสธได้เปรียบประมูลไอพีพี
นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่า บริษัทฯยืนยันที่จะเข้าร่วมประมูลไอพีพีรอบใหม่นี้ เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์กำหนดไว้ กล่าวคือ รัฐวิสาหกิจถือหุ้นรวมกันไม่เกินร้อยละ 50 ส่วนหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการประมูลไอพีพีรอบนี้ ก็ไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทฯ จนกลายเป็นข้อได้เปรียบบริษัทเอกชนรายอื่น
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทฯ ถือเป็นวาระปกติที่บริษัทฯ ได้ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาสรรหาและคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ประสบการณ์ และวิชาชีพในสาขาต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยคณะกรรมการบริษัทฯมี 15 คน โดยเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ กฟผ.7 คน และกรรมการอิสระ 8 คน ซึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ ชุดใหม่นี้ได้เพิ่มจำนวนกรรมการอิสระมากขึ้น โดยกฟผ.เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าจากบริษัทที่ชนะประมูล ไม่มีส่วนร่วมในการคัดเลือกผู้ชนะประมูลแต่อย่างใด
นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน)(GLOW) เปิดเผยว่า บริษัทฯจะยื่นประมูลโรงไฟฟ้าผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี)รอบใหม่ 2 โรงในวันที่ 29 เม.ย.นี้ คิดกำลังการผลิตรวม 2 พันเมกะวัตต์ ในพื้นที่อ.ปลวกแดง จ.ระยอง
โดยพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้าดังกล่าวนี้อยู่ในนิคมฯเหมราช และเป็นพื้นที่เดิมซึ่งบริษัทฯเคยใช้ยื่นประมูลไอพีพีก่อนหน้านี้แล้ว โดยทำเลที่ตั้งมีความได้เปรียบเพราะอยู่ใกล้ท่อส่งก๊าซฯ และสถานีย่อยและสายส่งไฟฟ้าขนาด 500 เควีของกฟผ. ขณะเดียวกันบริษัทฯมั่นใจว่าจะบริหารความเสี่ยงด้านการเงินได้แม้ว่าระยะเวลาการจ่ายไฟเข้าระบบของโครงการโรงไฟฟ้าไอพีพีรอบนี้ค่อนข้างนานโดยเริ่มจ่ายไฟในปี 2564
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีความพร้อมประมูลโรงไฟฟ้าไอพีพีที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง หากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพื่อรองรับความต้องการใช้ในอนาคต เนื่องจากบริษัทฯมีประสบการณ์ในโรงไฟฟ้าถ่านหินเก็คโค่ วันอยู่แล้ว
นายณัฐพรรษ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังลมขนาด 50 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดนครราชสีมา มูลค่าเงินลงทุน 4.5 พันล้านบาทว่า โครงการดังกล่าวยังไม่มีความคืบหน้าเพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงพลังงาน โดยโครงการนี้บริษัทฯจะเข้าไปถือหุ้น 49%
ส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้านนั้น บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจาเงื่อนไขสัมปทานโครงการส่วนขยายโรงไฟฟ้าพลังน้ำห้วยเหาะ ที่สปป.ลาว อีก 120 เมกะวัตต์ จากเดิมที่ผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว 150 เมกะวัตต์ หากการเจรจาแล้วเสร็จก็จะดำเนินการก่อสร้างใช้เวลา 3ปี ใช้เงินลงทุน 150 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4.5 พันล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯยังหาลู่ทางการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศพม่า แต่ไม่รีบร้อน เนื่องจากกฎระเบียบการลงทุนของพม่ายังต้องปรับปรุงแก้ไขคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะปรับปรุงกฎหมายแล้วเสร็จ ซึ่งขณะนี้ก็มีนักลงทุนหลายรายชวนให้บริษัทนเข้าไปร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าป้อนในนิคมฯที่พม่า
ด้านแผนการดำเนินงานในปี 2556 บริษัทฯปีที่รับรู้รายได้เต็มปีจากการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 พันเมกะวัตต์ โดยปีนี้อาจไม่มีการลงทุนโครงการใหม่ๆเพิ่มเติม ดังนั้นบริษัทฯจึงมีนโยบายที่จะเพิ่มการจ่ายปันผล และมีแผนจะลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลงเหลือ 1 เท่าในปี 2558 จากปัจจุบันบริษัทฯมี D/Eอยู่ที่ 2 เท่า โดยช่วง 2ปีนี้ บริษัทฯจะชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนดปีละ 8 พันล้านบาท เพื่อให้บริษัทฯมีความพร้อมในการกู้เงินเพิ่มขึ้นหากมีโครงการลงทุนใหม่ๆเข้ามาในอนาคต
***ราชบุรีฯปฏิเสธได้เปรียบประมูลไอพีพี
นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่า บริษัทฯยืนยันที่จะเข้าร่วมประมูลไอพีพีรอบใหม่นี้ เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์กำหนดไว้ กล่าวคือ รัฐวิสาหกิจถือหุ้นรวมกันไม่เกินร้อยละ 50 ส่วนหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการประมูลไอพีพีรอบนี้ ก็ไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทฯ จนกลายเป็นข้อได้เปรียบบริษัทเอกชนรายอื่น
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทฯ ถือเป็นวาระปกติที่บริษัทฯ ได้ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาสรรหาและคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ประสบการณ์ และวิชาชีพในสาขาต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยคณะกรรมการบริษัทฯมี 15 คน โดยเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ กฟผ.7 คน และกรรมการอิสระ 8 คน ซึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ ชุดใหม่นี้ได้เพิ่มจำนวนกรรมการอิสระมากขึ้น โดยกฟผ.เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าจากบริษัทที่ชนะประมูล ไม่มีส่วนร่วมในการคัดเลือกผู้ชนะประมูลแต่อย่างใด
