ตลาดหลักทรัพย์ฯ รุกปรับปรุงระบบไอทีต่อ ทั้งการซื้อขายส่งมอบ และชำระราคาหุ้น รองรับนักลงทุนที่จะเพิ่มมากขึ้น หลังวอลุ่มเทรดขยายตัวแตะหลักแสนล้านมาแล้ว คาดเชื่อโยงตลาดหุ้นใหญ่ทั่วโลกแล้วเสร็จสิ้นปี 57
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวเนื่องในงานครบรอบก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ปีที่ 38 ว่า ตลท.ยังให้ความสำคัญต่อการวางระบบไอทีให้รองรับการซื้อขาย ให้มีความสะดวก และรวดเร็วมากขึ้น สามารถซื้อขายได้ในทุกที่ ซึ่งจะต้องพัฒนาทั้งโบรกเกอร์ และตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้รองรับในทุกระบบปฏิบัติการ (Operating System) ได้ทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บแล็ต
“ปีที่แล้วเราทำการพัฒนาปรับเปลี่ยนระบบการซื้อขาย รองรับปริมาณและคำสั่งซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ที่จากเดิมตลาดมีวอลุ่มการซื้อขายอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท แต่ในปีนี้ สามารถเติบโตขึ้นถึง 100,000 ล้านบาท ระบบใหม่ยังสามารถรองรับได้อย่างดี โดยจากนี้ไปต้องขยายเพิ่มเติมขึ้นอีก เพื่อรองรับการเติบโตของนักลงทุนต่างประเทศที่จะมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย และนักลงทุนไทยที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ และสามารถเชื่อมโยงกับการซื้อขายในตลาดสำคัญๆของโลกเช่นตลาดหุ้นสหรัฐฯ อังกฤษ หรือญี่ปุ่นได้ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและใช้งานได้ภายในสิ้นปี 2557”
ทั้งนี้ กรรมการ และผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ในอนาคตต้องไม่ลืมว่าอีก 5-10 ปี การพัฒนาของระบบการซื้อขายส่งมอบและชำระราคาจะพัฒนาไปเรื่อยๆ แม้ตอนนี้นักลงทุนทั่วไปจะมองว่าไม่จำเป็นนัก แต่อนาคตอาจจะต้องแก้กฏเกณฑ์ของ ก.ล.ต. และของธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เอื้อประโยชน์แก่นักลงทุนไทย
“แม้ว่าในทุกวันนี้จะยังไม่มีใครเห็นความจำเป็น แต่อนาคตจะมีความจำอย่างมากเป็นโดยเฉลี่ยแล้ว 25% ของพอร์ตโฟลิโอ ของนักลงทุนที่ลงทุนในระหว่างประเทศ ตอนนี้อยู่ในช่วงของการร่างข้อตกลงร่วมกันกับโบรกเกอร์ต่างๆ เพื่อเลือกระบบที่เหมาะสม ซึ่งมีหลายๆ ประเทศที่ทำได้แล้ว เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฮ่องกง สามารถวางระบบไอทีการซื้อขายระหว่างประเทศได้แล้ว โดยในปีที่แล้วยังติดปัญหาที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ในบางข้อที่ไม่สามารถดำเนินการได้ในเรื่องของการวางกฎระเบียบการลงทุนระหว่างประเทศ แต่ในปีนี้คาดว่าจะเรียบร้อยในบางส่วนที่จะสามารถเชื่อมโยงกับธนาคารพาณิชย์ และโบรกเกอร์ในการซื้อขายได้ โดยคาดว่าในปีนี้จะมีความชัดเจน และยืดหยุ่นมากขึ้น ตอนนี้อยู่ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. และธนาคารพาณิชย์ ว่าจะวางหลักเกณฑ์อย่างไรให้สามารถมีแนวทางปฏิบัติที่ง่ายที่สุด ซึ่งในช่วงแรกจะเน้นด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ก่อน และในส่วนกองทุนจะตามมาภายหลัง”
ส่วนความกังวลใจในวอลุ่มซื้อขายของนักลงทุนรายย่อย นายจรัมพร ให้ความเห็นว่า ความร้อนแรงในช่วงนี้จะลดน้อยลงไปบ้างแล้ว ซึ่งจะสอดกับความเป็นจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนต่างประเทศ สถาบัน หรือรายย่อย จะสอดคล้องกัน ไม่เหมือนเดือนมีนาคมที่จะหนักไปในส่วนของรายย่อยอย่างเดียว สัดส่วนขณะนั้นจะสูงมากจนผิดปกติ โดยไปกระจุกตัวอยู่ในหุ้นกลุ่มที่มีค่า P/E สูง แต่ขณะนี้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ในส่วนของ บล. สัดส่วนการเติบโตนั้นสอดคล้องกับของนักลงทุนต่างประเทศ หรือสถาบันต่างประเทศโดยอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้ ไม่ต่างกันมากนัก
