xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.ไทยพาณิชย์แนะลุยหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.ไทยพาณิชย์แนะกระจายพอร์ตในหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว ชี้ปัจจัยเติบโตเศรษฐกิจยังหนุน พร้อมชูกองทุน “ไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์” น่าลงทุน

นางโชติกา สวนานนท์   กรรมการผู้อำนวยการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนในช่วงนี้ว่า ยังคงเป็นโอกาสดีในการกระจายสินทรัพย์เพื่อลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากยังมองเห็นโอกาสขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป โดยในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วสามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market)

ทั้งนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ยังคงแนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยง และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกองทุนหุ้นต่างประเทศ โดยมีกองทุนที่แนะนำคือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์ หรือ SCBPGF  ซึ่งมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 56)  3 เดือนอยู่ที่ 9.44%  6 เดือนอยู่ที่ 21.57%  1 ปีอยู่ที่ 34.74% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 51.33%  ซึ่งถือเป็นกองทุนหุ้นต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา จากการรายงานข้อมูลของบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ (ประเทศไทย) จำกัด

สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์ เป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ DB Platinum Branchen Stars Fund ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในประเทศลักเซมเบิร์ก ลงทุนในสกุลเงินยูโร มีนโยบายการลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอนาคต โดยมีสไตล์การลงทุนแบบ Global Large Cap Value  เพื่อที่จะสะท้อนถึงดัชนี Deutsche Bank CROCI Sectors IndexTM

ซึ่งประกอบขึ้นด้วย 30 หลักทรัพย์ที่ถูกคัดเลือกมาจาก 9 กลุ่มอุตสาหกรรม (ไม่รวมกลุ่มสถาบันการเงิน) จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ 3 แห่ง ในยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น 1. The Down Jones EURO STOXX Large Index ในสกุลเงินยูโร 2. บริษัทขนาดใหญ่ 251 แห่ง ใน S&P 500 Index ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และ   3.The TOPIX 100 Index ในสกุลเงินเยน (JPY)

นางโชติกากล่าวว่า ถึงแม้ในช่วงนี้การลงทุนในตลาดหุ้นต่างๆ จะมีความผันผวน แต่ บลจ.ยังคงมองเห็นโอกาสในการลงทุน จากภาพรวมของสภาวะเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และยุโรป ที่มีแนวโน้มดีขึ้น

 นอกจากนี้ การกระจายการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วยังช่วยลดความเสี่ยงต่อกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับลดการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) ได้ด้วย เนื่องจากการชะลอ QE ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วย่อมมาพร้อมตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้น   ดังนั้น ที่ผ่านมาเมื่อมีข่าวเกี่ยวกับการชะลอ QE เราจึงเห็นเม็ดเงินไหลออกจากตลาดในภูมิภาคนี้ไปยังตลาดเงินตลาดทุนกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ดังนั้น การกระจายสินทรัพย์เพื่อลงทุนในต่างประเทศดังกล่าวจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

 ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องหลังจากการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ Abenomics ตลอดจนโตเกียวเพิ่งได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานกีฬาโอลิมปิกปี 2020 ส่งผลดีต่อการลงทุน และการก่อสร้างภายในประเทศ  รวมถึงกลุ่มประเทศยุโรปที่ปัจจัยลบเริ่มหมดไป เศรษฐกิจแต่ละประเทศเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรปพัฒนาแล้ว ล่าสุดดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 92.5 ซึ่งนับเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 15 เดือนที่ผ่านมา


กำลังโหลดความคิดเห็น