บลจ.ทิสโก้ปิดกองหุ้นสหรัฐฯ “ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8%” เข้าเป้าก่อนกำหนด หลังดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นรับปัจจัยการเจรจาเพดานหนี้สหรัฐฯ สำเร็จ
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า จากที่ บลจ.ทิสโก้ได้เสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% # 1” (TISCO US Equity Trigger 8% Fund # 1) ซึ่งเป็นกองทาร์เกตฟันด์ที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR S&P 500 ETF เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 ซึ่งจะสามารถเลิกโครงการก่อนครบกำหนดหากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% หรือมีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) มากกว่าหรือเท่ากับ 10.80 บาท โดยเสนอขายไปในช่วงปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุด ณ วันที่ 17 ต.ค. 56 กองทุนดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 8% โดย NAV อยู่ที่ 10.8085 บาท ทำให้เข้าเงื่อนไขการเลิกโครงการได้ก่อนกำหนด โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 5 เดือนกว่าเท่านั้น แสดงถึงความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการกองทุนได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้สามารถปิดกองทุนได้ก่อนครบกำหนด คือสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ชัดเจนขึ้น จากเดิมที่ในตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการผ่านร่างงบประมาณและการขยายเพดานหนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจลดขนาดหรือยกเลิก QE (QE Tapering) อีกทั้งได้สร้างความผันผวนในตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ปัญหาได้คลายความกังวลลงแล้วจากการที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณและเพิ่มเพดานหนี้ (ข้อตกลงในการจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินงานของรัฐบาลไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค. และปรับเพิ่มเพดานหนี้ไปจนถึงวันที่ 7 ก.พ.) และเตรียมส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาอนุมัติ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่ระดับ 1,733.45 จุด (ณ 17 ต.ค. 56) และจากสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงต่อจากนี้นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและน่าจะช่วยสร้างโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุน ซึ่ง บลจ.ทิสโก้มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็น Top pick มาโดยตลอดในช่วงที่ผ่านมา
นายสาห์รัชกล่าวว่า ผลการดำเนินงานกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ของ บลจ.ทิสโก้ในช่วง 2 ปีนี้ ถือว่ามีความโดดเด่นมาก โดยสร้างผลตอบแทนเข้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนถึง 17 กองทุนรวด ทั้งกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยและกองทุนที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงกองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% # 1 นี้ด้วย โดยสถิติในการบริหารกองทุนเข้าเป้าหมายที่เร็วที่สุด ใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น แสดงให้เห็นถึงมุมมอง การตัดสินใจ และการเลือกจังหวะในการเสนอขายและเข้าลงทุนกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากหัวใจของการลงทุนประเภทนี้อยู่ที่ช่วงจังหวะที่เหมาะสม หากเลือกจังหวะพลาดอาจทำให้ไม่ได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายและภายในระยะเวลาที่คาดหวังไว้ ซึ่งผลงานที่ปรากฏของ บลจ.ทิสโก้ได้พิสูจน์ถึงความเป็นผู้นำในตลาดนี้
“บลจ.ทิสโก้ยังคงเดินหน้าตอบโจทย์การลงทุนเพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านกองทุนรวมที่มีหลากหลายนโยบายการลงทุน ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ รวมถึงสินทรัพย์อื่นๆ ที่น่าสนใจ ในช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสม พร้อมเดินหน้าให้บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน จัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะต่อลูกค้าแต่ละราย เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจกองทุนรวมอย่างต่อเนื่อง” นายสาห์รัชกล่าว