บลจ.มอง ไตรมาสสุดท้ายตลาดมีความผันผวนสูง ปัจจัยหลักคือเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ก็เป็นโอกาสลงทุน ชี้ ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป เงินจะไหลเข้ามาก แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นต่างประเทศมากขึ้น
นายสมจินต์ ศรไพศาล นายกสมาคมจัดการลงทุน และกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวถึง การลงทุนในช่วงปลายปีนี้ว่า การลงทุนในช่วงปลายไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้การลงทุนในสิทรัพย์ต่างๆมีความผันผวน ดังนั้นการลงทุนในช่วงนี้ควรมีการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ต่างๆเพื่อลดความเสี่ยง ขณะเดียวกันควรลงทุนในระยะยาวไม่ตามลงทุนทิศทางตลาดมากเกินไป
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯ ยังเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะส่งผลต่อการลงทุน ซึ่งต้องติดตามจากการประชุมในวันที่ 17 ต.ค. นี้ หากเกิดการผิดนัดชะหนี้ขึ้นก็จะมีผลกระทบตามต่อตลาดแน่นอน แต่นักวิเคราะห์ก็คาดกันว่าไม่น่าจะอะไรที่รุนแรงขึ้น ซึ่งในมุมมองของการลงทุนแล้วถือว่าเป็๋นโอกาศที่จะเข้าไปลงทุน ขณะที่ ไอเอ็มเอฟ ก็มีการปรับการคาดการณืการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี้นี้ลงอยู่ที่ระดับ 2% แต่ในปีหน้าจะเติบโตที่ระดับ 3% โดยรวมแล้วเศรษฐกิจโลกยังมีการเติบโต่อไปได้ ส่วนยุโรปนั้น ในปีนี้น่าจะเติบโตขึ้น ไม่กลับไปติดลบแล้วและในปีหน้าก็จะเริ่มฟื้นตัวขึ้น
"ในช่วง 6 เดือนข้างหน้านี้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นจะมีความน่าสนใจ โดยตลาดหุ้นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่า งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป จะมีเงินไปเข้าไปลงทุนมาก ขณะที่เอเชียและตลาดเกิดใหม่จะมีเงินไหลออกไปบ้าง ดังนั้นนักลงทุนควรเพิ่มนำหนักการลงทุนในหุ้นต่างประเทศมากขึ้น และลดการถือตราสารหนี้ลงโดยเฉพาะตราสารหนี้ที่ระยะยาว" นายธีรนาถ กล่าว
ขณะเดียวกันสินทรัพย์ทางเลือกอย่างสินค้าโภคภัณฑ์นั้น ก็มีความน่าสนใจ เพราะหากเป็นจังหวะที่ดีจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นมาก แต่ก็มีความผันผวนที่สูงมาก เช่น น้ำมันที่มีความผันผวนสูงกว่าหุ้น จึงมีความเสี่ยงเพราะเป็นการไปลงทุนในสัญญาล่วงหน้าซึ่งต้องศึกษาให้ดี ซึ่ง ณ ปัจจุบันเวลานี้ยังไม่ใช่จังหวะที่น่าลงทุนเพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะปรับตัวขึ้นตามเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น แนะนำว่าลงทุนไม่เกิน 10% ในพอร์ตการลงทุน
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต จำกัด กล่าวว่า เรื่องปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะเรื่อง QE นั้นจะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อภาพรวมของการลงทุนทั่วโลก ซึ่งการลงทุนในช่วงนี้ควรเลือกลงทุนโดยมองเรื่องปัจจัยพื้นฐานมากขึ้น เลือกลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว โดยหุ้นไทยนั้นยังน่าสนใจ ขณะที่ตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้วอย่าง ญี่ปุ่นตอนนี้ก็น่าสนใจ อย่างไรเมื่อนักลงทุนเลือกกลยุทธ์การลงทุนแล้วก็ควรมีความหนักแน่นต่อการลงทุน เพราะการลงทุนในช่วงนี้จะมีความผันผวนมาก