บลจ.ธนชาตเผย แม้ตลาดหุ้นไทยผันผวนหลังเจอปัญหา QE แต่ปัจจัยพื้นฐานภาคธุรกิจอุตสาหกรรมไม่เปลี่ยน บริษัทจดทะเบียนเติบโต แนะนักลงทุนรอจังหวะช้อนซื้อของถูก ล่าสุดเปิดกองทุนทาร์เกตฟันด์ “ธนชาตชาเลนจ์ 15” เน้นลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี เริ่มไอพีโอแล้วถึง 10 ก.ย.นี้
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณลด QE ตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่ รวมทั้งไทยเมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการไหลออกของเงินลงทุน ทำให้ระดับราคาของตลาดหุ้นไทยปรับตัวต่ำลง บริษัทเห็นว่าถึงช่วงที่น่าจะเป็นโอกาสในการลงทุน อยู่ในจุดที่สมเหตุสมผล มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ เพราะภาคธุรกิจอุตสาหกรรมไม่ได้มีปัจจัยพื้นฐานอะไรเปลี่ยนแปลง ยังมีบริษัทจดทะเบียนที่ผลประกอบการดี เติบโตน่าลงทุน แม้ตลาดหุ้นไทยช่วงต่อไปจะยังคงมีการปรับตัวขึ้นๆ ลงๆ ก็ยังมีโอกาสให้ทำกำไรได้
ทั้งนี้ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจในต่างประเทศก็นิ่งขึ้น และมีแนวโน้มบวกสำหรับช่วงของการฟื้นตัว โดยเฉพาะภาพการฟื้นตัวของสหรัฐฯ ที่เริ่มชัดเจนขึ้น ส่วนประเทศจีน ความกังวลหลักของตลาดในช่วงที่ผ่านมา มาถึงวันนี้ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะค่อยๆ ชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ Hard landing เศรษฐกิจของ 2 ประเทศมหาอำนาจนี้มีน้ำหนักอย่างมากต่อตลาดหุ้นในเอเชีย รวมถึงไทยด้วย ซึ่งปัจจัยบวกจากทั้ง 2 ประเทศ ระยะยาวจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยและธุรกิจอุตสาหกรรมไทยด้วย แม้จะไม่เกิดขึ้นในระยะสั้น แต่การลงทุนในหุ้นต้องลงทุนรอรับข่าวล่วงหน้า
นอกจากนี้ ประกอบกับการมองสัญญาณลด QE ว่า มาตรการ QE ยังคงดำเนินต่อไปเพียงแต่ลดขนาดลง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าสภาพคล่องจะหดหายไปในระยะเวลาอันสั้น ส่วนยุโรปก็น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และในมุมมองของนักลงทุนต่างประเทศในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ หรือ Emerging market หลายฝ่ายก็ยังมองว่าประเทศในเอเชียถึงแม้จะมีการเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่ก็ยังเติบโตสูงกว่าอีกหลายภูมิภาค ตลาดหุ้นเอเชียจึงยังมีความน่าลงทุนมากกว่า Emerging market ส่วนอื่นๆ โดยปัจจัยที่สำคัญคือต้องเลือกประเทศที่แข็งแรง เมื่อถึงจุดหนึ่งเงินลงทุนจากต่างประเทศจะทยอยกลับมา โดยคาดว่าอาจจะเริ่มเห็นในไตรมาส 4 ต่อไตรมาส 1 ปีหน้า
นายบุญชัยกล่าวต่อไปว่า สำหรับกองทุนเปิดธนชาตชาเลนจ์ 15 ในส่วนของตราสารทุน ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีประวัติหรือประเมินว่ามีโอกาสที่จะมีอัตราการเจริญเติบโตของกำไร 10% ต่อปีขึ้นไป หรือมีกระแสเงินสดเพียงพอ หรือมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ บลจ.ธนชาตคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 15% ในปี 2556 และเติบโต 11% ในปี 2557 โดยหุ้นกลุ่มเป้าหมายคือหุ้นที่ราคามีโอกาสจะปรับตัวขึ้นดีกว่าตลาดโดยรวม รวมทั้งการหาจังหวะในการเข้าลงทุน การปรับพอร์ตตามสภาพตลาด และการเลือกหุ้นจะเปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมผสม อายุกองทุนประมาณ 1 ปี หรือต่ำกว่า 1 ปี เริ่มไอพีโอตั้งแต่วันนี้ถึง 10 กันยายนนี้
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณลด QE ตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่ รวมทั้งไทยเมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการไหลออกของเงินลงทุน ทำให้ระดับราคาของตลาดหุ้นไทยปรับตัวต่ำลง บริษัทเห็นว่าถึงช่วงที่น่าจะเป็นโอกาสในการลงทุน อยู่ในจุดที่สมเหตุสมผล มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ เพราะภาคธุรกิจอุตสาหกรรมไม่ได้มีปัจจัยพื้นฐานอะไรเปลี่ยนแปลง ยังมีบริษัทจดทะเบียนที่ผลประกอบการดี เติบโตน่าลงทุน แม้ตลาดหุ้นไทยช่วงต่อไปจะยังคงมีการปรับตัวขึ้นๆ ลงๆ ก็ยังมีโอกาสให้ทำกำไรได้
ทั้งนี้ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจในต่างประเทศก็นิ่งขึ้น และมีแนวโน้มบวกสำหรับช่วงของการฟื้นตัว โดยเฉพาะภาพการฟื้นตัวของสหรัฐฯ ที่เริ่มชัดเจนขึ้น ส่วนประเทศจีน ความกังวลหลักของตลาดในช่วงที่ผ่านมา มาถึงวันนี้ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะค่อยๆ ชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ Hard landing เศรษฐกิจของ 2 ประเทศมหาอำนาจนี้มีน้ำหนักอย่างมากต่อตลาดหุ้นในเอเชีย รวมถึงไทยด้วย ซึ่งปัจจัยบวกจากทั้ง 2 ประเทศ ระยะยาวจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยและธุรกิจอุตสาหกรรมไทยด้วย แม้จะไม่เกิดขึ้นในระยะสั้น แต่การลงทุนในหุ้นต้องลงทุนรอรับข่าวล่วงหน้า
นอกจากนี้ ประกอบกับการมองสัญญาณลด QE ว่า มาตรการ QE ยังคงดำเนินต่อไปเพียงแต่ลดขนาดลง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าสภาพคล่องจะหดหายไปในระยะเวลาอันสั้น ส่วนยุโรปก็น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และในมุมมองของนักลงทุนต่างประเทศในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ หรือ Emerging market หลายฝ่ายก็ยังมองว่าประเทศในเอเชียถึงแม้จะมีการเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่ก็ยังเติบโตสูงกว่าอีกหลายภูมิภาค ตลาดหุ้นเอเชียจึงยังมีความน่าลงทุนมากกว่า Emerging market ส่วนอื่นๆ โดยปัจจัยที่สำคัญคือต้องเลือกประเทศที่แข็งแรง เมื่อถึงจุดหนึ่งเงินลงทุนจากต่างประเทศจะทยอยกลับมา โดยคาดว่าอาจจะเริ่มเห็นในไตรมาส 4 ต่อไตรมาส 1 ปีหน้า
นายบุญชัยกล่าวต่อไปว่า สำหรับกองทุนเปิดธนชาตชาเลนจ์ 15 ในส่วนของตราสารทุน ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีประวัติหรือประเมินว่ามีโอกาสที่จะมีอัตราการเจริญเติบโตของกำไร 10% ต่อปีขึ้นไป หรือมีกระแสเงินสดเพียงพอ หรือมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ บลจ.ธนชาตคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 15% ในปี 2556 และเติบโต 11% ในปี 2557 โดยหุ้นกลุ่มเป้าหมายคือหุ้นที่ราคามีโอกาสจะปรับตัวขึ้นดีกว่าตลาดโดยรวม รวมทั้งการหาจังหวะในการเข้าลงทุน การปรับพอร์ตตามสภาพตลาด และการเลือกหุ้นจะเปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมผสม อายุกองทุนประมาณ 1 ปี หรือต่ำกว่า 1 ปี เริ่มไอพีโอตั้งแต่วันนี้ถึง 10 กันยายนนี้