บลจ.ธนชาตมองอนาคตหุ้นไทยปรับขึ้นอีกถึงปีหน้า ตั้งเป้าดัชนีไต่ถึงระดับ 1,740 จุดจากอานิสงส์การลงทุนของภาครัฐ และการบริโภคในประเทศ ล่าสุดเตรียมเปิดขายกองทาร์เกตฟันด์ใหม่ หวังทำกำไร 8% ให้นักลงทุน เปิดขายตั้งแต่วันนี้ถึง 4 มิถุนายนนี้
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ธนชาตพบว่าผู้ลงทุนต้องการมีส่วนลงทุนในหุ้นไทย แต่ต้องการกำไรกลับไปเป็นรอบๆ ลักษณะของกองทุนที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุนก็คือ กองทุนสไตล์ “ทาร์เกตฟันด์” ซึ่งตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว บลจ.ธนชาตทยอยออกกองทุนประเภทนี้มาให้ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวม 8 กองทุน และสามารถบริหารได้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย 7-8% คืนเงินให้ผู้ลงทุนไปแล้ว 6 กอง ในระยะเวลาตั้งแต่ 5 สัปดาห์ถึงประมาณ 3 เดือนแล้วแต่จังหวะตลาด และล่าสุดในปลายเดือนพฤษภาคมกองทุนเปิดธนชาตชาเลนจ์ 10 (T-Challenge10) บริหารได้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย 8% แล้วในเวลาเพียง 6 สัปดาห์
ทั้งนี้ ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย คาดตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีความผันผวนอยู่บ้างจากการชะลอตัวการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจนของมาตรการควบคุมการแข็งค่าเงินบาท แต่ตลาดจะได้รับผลบวกจากกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะเติบโต 17% ในปี 2556 และเติบโต 11% ในปี 2557 คาดการณ์เป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปี 2557 อยู่ที่ 1,740 จุด ณ ระดับ P/E 14 เท่า อีกทั้งพื้นฐานเศรษฐกิจในประเทศที่ยังมีการเติบโตจากการบริโภค และการลงทุนจากการส่งเสริมของภาครัฐเป็นตัวสนับสนุนโดยผ่านโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ
“บลจ.ธนชาตเรายึดความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งลูกค้ายังคงเห็นโอกาสลงทุนในหุ้นไทยจึงออกกองทุนใหม่ คือ กองทุนเปิดธนชาตชาเลนจ์ 11 (T-Challenge11) เสนอขายครั้งเดียววันนี้ถึง 4 มิถุนายน 2556 กลยุทธ์การลงทุน มีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุผลตอบแทน 8%* ภายในระยะเวลา 1 ปี* เงื่อนไขเลิกกองทุนเมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.91 บาท ณ วันทำการใด”
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนเปิดธนชาตชาเลนจ์ 11 (T-Challenge 11) ซึ่งเป็นกองทุนผสม จึงสามารถรอจังหวะตลาดเพื่อลงทุนในหุ้นได้ ในส่วนของหุ้นจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี มีประวัติหรือประเมินว่ามีโอกาสที่จะมีอัตราการเจริญเติบโตของกำไร 10% ต่อปีขึ้นไป หรือมีกระแสเงินสดพอเพียง หรือมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยกลุ่มธุรกิจที่มีความน่าสนใจลงทุน เช่น กลุ่มธนาคาร กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์