xs
xsm
sm
md
lg

KTAM ยิ้ม AUM สิ้นปี 5 แสนล้าน ชี้กองอินฟรา-REIT ดันตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.กรุงไทยชี้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จะเป็นโปรดักต์ดันอุตสหกรรมกองทุนรวมเติบโต พร้อมประเมินสิ้นปี AUM แตะ 5 แสนล้าน เตรียมปล่อยกองทุนอสังหาฯ ไอพีโอก่อนสิ้นปีนี้

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การแข่งขันในอุตสาหกรรมจัดการกองทุนรวมในปัจจุบันเริ่มปรับเปลี่ยนไปจากเดิมที่มุ่งเน้นการขายผลิตภัณฑ์กองทุน หรือมุ่งเป้าหาลูกค้ารายใหญ่เพื่อทำกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคล โดยกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) จะเป็นตัวที่สร้างทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ให้แก่ บลจ.

อย่างไรก็ตาม การจะทำกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกอง REIT นั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือกับธนาคารในการหาบริษัทหรือลูกค้าที่อยากจัดตั้งกองทุน

นายสมชัยกล่าวต่อว่า ในส่วนภาพรวม AUM ของ บลจ.กรุงไทยนั้น คาดว่าสิ้นปีนี้ ทรัพย์สินสุทธิฯ น่าจะแตะที่ระดับ 500,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 16% จากสิ้นปี 2555 ที่ 430,000 ล้านบาท โดยภายในสิ้นปีนี้เราจะเปิดขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มอีก 2 กองทุน คือ กองทุนอสังหาฯ ที่ลงทุนในโรงแรม โดยเป็นโรงแรมของกลุ่มทีซีซีแลนด์ มูลค่า 32,000 ล้านบาท และกองทุนอสังหาฯ ประเภทสำนักงานของกลุ่มซีพีแลนด์ ได้แก่ ซี.พี.ทาวเวอร์ สีลม ฟอร์จูนทาวน์ และพญาไท มูลค่า 10,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ การเพิ่มทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ไทย คอมเมอร์เชียล อินเวสเม้นท์ (TCIF) มูลค่า 25,155 ล้านบาทที่จะลงทุนในเอ็มไพร์ทาวเวอร์, แอทธินีทาวเวอร์, อาคาร 208 และไซด์เบอร์ เวิลด์ รัชดา นั้นก็เสร็จสิ้นไปแล้ว ส่วนการขอเพิ่มทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทย รีเทล อินเวสเม้นท์ (TRIF) มูลค่า 18,420 ล้านบาทเพื่อลงทุนใน Asiatique the River Front, Pantip ประตูน้ำ, Pantip บางกะปิ, Pantip เชียงใหม่, ตะวันนาบางกะปิ และ OP Place นั้นอยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. ส่วนความคืบหน้าของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่ บลจ.กรุงไทย กำลังทำอยู่นั้นอาจจะเปิดขายไม่ทันในปีนี้ ซึ่งเราประเมินว่าในปี 2557 น่าจะเปิดให้นักลงทุนได้ร่วมลงทุน

สำหรับกองทุนรวมตราสารหนี้นั้น ต้องยอมรับว่าในตลาดตราสารหนี้ทั้งไทยและทั่วโลกให้ผลตอบแทนไม่ค่อยจูงใจ ซึ่งการจัดตั้งกองทุนตราสารหนี้ในปัจจุบันต้องหาตราสารหนี้หลายๆ แหล่งมาผสมกันเพื่อให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ ขณะเดียวกัน ดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบันก็ถือว่ามีความน่าสนใจกว่ากองทุนตราสารหนี้ทำให้นักลงทุนหันไปฝากเงินมากขึ้น

นายสมชัยกล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยว่า ที่ผ่านมาดัชนีค่อนข้างผันผวนพอสมควร โดยระยะสั้นเราได้เห็นดัชนีปรับตัวขึ้นมา ซึ่งการปรับตัวครั้งนี้เนื่องมาจากปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเป็นจีน สหรัฐฯ หรือยุโรป ที่ปรับตัวดีขึ้น และที่สำคัญความกังวลเรื่องการโจมตีซีเรียของสหรัฐฯ ก็คลี่คลายลงทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกสดใสขึ้น แต่ในช่วงระยะกลางเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาลงทุนในประเทศก็อาจจะปรับตัวลงเนื่องจากเงินก็จะไหลกลับไปหาสินทรัพย์ของประเทศพัฒนาแล้ว และอาจจะต้องระวังความเสี่ยงจากปัจจัยภายในของไทยโดยเฉพาะการชะลอตัวการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก โดยเราประเมินว่าไตรมาส 4 การส่งออกจะปรับตัวขึ้น ขณะเดียวกันจะได้แรงหนุนจากแรงซื้อกองทุนประหยัดภาษีด้วยเช่นกัน ซึ่งสิ้นปีนี้เรายังคงเป้าดัชนีไว้ที่ 1,500 จุดเช่นเดิม


กำลังโหลดความคิดเห็น