ASTVผู้จัดการรายวัน – กลุ่มซี.พี.ตั้งเป้าปี 57 ทุ่ม 10,000 ล้านบาท ผุด 30 อาคาร ทั้งคอนโดฯ โรงแรม อาคารสำนักงานให้เช่า กระจายตามหัวเมืองหลักทั่วประเทศ รับ AEC ขณะที่ปี 56 ผุดคอนโดฯ 20 อาคาร มูลค่า 8,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 2,300 ล้านบาท เผยบิ๊กอสังหาฯชาวจีนสนร่วมลงทุนในไทย
นายสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า การก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านต่างๆของภูมิภาค เนื่องจากไทยมีศักยภาพและความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนในภูมิภาค การให้สิทธิพิเศษยกเว้นภาษีหรือลดภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมไปถึงนโยบายการกระจายความเจริญไปยังภูมิภาค ปััจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นผลดีซึ่งจะทำให้ความต้องการอาคารสำนักงาน โรงแรม และศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นไม่ใช่เฉพาะในกรุงเทพฯเท่านั้นแต่จะขยายตัวไปตามหัวเมืองใหญ่
จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้บริษัทมีแผนที่จะลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯประเภท คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน และโรงแรม จำนวนกว่า 30 อาคารมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ตามหัวเมืองหลักๆทั่วประเทศ อาทิ พิษณุโลก, เชียงราย, เชียงใหม่, สุราษฎร์ธานี , นครศรีธรรมราช, หาดใหญ่, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, อุดรและนครราชสีมา เป็นต้น
โดยจะเน้นการพัฒนาคอนโดมิเนียมเป็นหลักกว่า 20 อาคาร ส่วนโรงแรมมีแผนให้ครบ 10 แห่ง ภายใน 3 ปี ทั้งการเข้าซื้อกิจการโรงแรมเดิมหรือการลงทุนใหม่ โดยในปีนี้คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ 2 แห่ง มูลค่า 800-1,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนใหม่ 1 แห่งและซื้อกิจการ
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะซื้อกิจการโรงแรมเพิ่มเดิมจากแผนเดิมที่มีอยู่โดยเฉพาะ หัวเมืองหลักและหัวเมืองท่องเที่ยวที่มีขนาดตั้งแต่ 150 ห้องขึ้นไป
สำหรับอาคารสำนักงานนั้นอยู่ระหว่างลงทุนพัฒนากระจายตามหัวเมืองหลักๆเช่นเดียวกัน ปัจจุบันมีที่ดินสำหรับพัฒนาแล้ว 5 แปลง ได้แก่ พิษณุโลก นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ และเชียงใหม่ โดยจะเป็นอาคารขนาดเล็กสูงไม่เกิน 10 ชั้น มูลค่าลงทุน 200-300 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะนำที่ดินสะสมอีกกว่า 4,000 ไร่ ทะยอยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยแปลงใหญ่สุดอยู่ที่จ.ระยองเนื้อที่ 3,200 ไร่มีแผนที่จะพัฒนาเป็นนิคมอุตสหากรรม ซี.พี.อินดัสเทรียล เอสเตท โดยเริ่มพัฒนามาแล้ว 2-3 ปี คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนนการได้ในปี 2558 มูลค่าขายกว่า 4,000 ล้านบาท
*****ดัน3อาคารสนง.ตั้งกองทุนหมื่นล้าน
นายสุนทร กล่าวต่อว่า จากแนวโน้มการเติบโตของอาคารสำนักงานในเขตกรุงเทพฯ บริษัทฯ จึงเตรียมนำอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าของ ซี.พี.แลนด์ ที่ประกอบไปด้วย อาคารซี.พี.ทาวเวอร์ 1 (สีลม) ซี.พี.ทาวเวอร์ 2 (ฟอร์จูนทาวน์) และซี.พี.ทาวเวอร์ 3 (พญาไท) จัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาฯ ซึ่ง 3 อาคารอาคารดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท สร้างรายได้ค่าเช่าปีละกว่า 1,200 ล้านบาท โดยได้เริ่มดำเนินการมาได้ระยะหนึ่งแล้วคาดว่าจะสามารถตั้งกองทุนได้ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับแผนการลงทุนในปี 56 นี้บริษัทตั้งเป้าเปิดคอนโดฯจำนวน 20 อาคาร จำนวน 5,600 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 1-1.5 ล้านบาท มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ กัลปพฤก ปัจจุบันมียอดขายไปแล้ว 80% โดยในปลายปีนี้จะเปิดอีก 2 โครงการ ในวันนี้ 12 กันยายน 56 เปิดที่พิษณุโลก จำนวน 200 ยูนิต มูลค่าขาย 260 ล้านบาท เดือนพฤษจิกายนเปิดที่เชียงราย
ทั้งนี้ ผลจากการขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาฯเพื่อขาย อย่างต่อเนื่องจะทำให้หลังจากนี้ 3 ปี สัดส่วนรายได้ของบริษัทเปลี่ยนไปจากเดิมรายได้จากการเช่าคิดเป็น 70% ของรายได้รวมและรายได้จากการขาย 30% เปลี่ยนเป็นรายได้จากการขาย 50% และเช่า 50% โดยปีที่ผ่านมาบิรษัทมีรายได้ 1,700 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากค่าเช่า 1,200 ล้านบาท รายได้จากโรงแรม 350 ล้านบาท และรายได้จากการขาย 200 ล้านบาท โดยในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,300 ล้านบาท
นายสุนทร กล่าวต่อว่า นอกจากการลงทุนในประเทศแล้วบริษัทยังสนใจขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน โดยได้ให้ทีมงานเข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในประเทศต่างๆ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป นอกจากนี้บริษัทยังได้ชักชวนนักลงทุนรายใหญ่ด้านอสังหาฯ ชาวจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาว่าจะเข้ามาลงทุนประเภทอะไร คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 ปีนี้.
นายสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า การก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านต่างๆของภูมิภาค เนื่องจากไทยมีศักยภาพและความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนในภูมิภาค การให้สิทธิพิเศษยกเว้นภาษีหรือลดภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมไปถึงนโยบายการกระจายความเจริญไปยังภูมิภาค ปััจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นผลดีซึ่งจะทำให้ความต้องการอาคารสำนักงาน โรงแรม และศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นไม่ใช่เฉพาะในกรุงเทพฯเท่านั้นแต่จะขยายตัวไปตามหัวเมืองใหญ่
จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้บริษัทมีแผนที่จะลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯประเภท คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน และโรงแรม จำนวนกว่า 30 อาคารมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ตามหัวเมืองหลักๆทั่วประเทศ อาทิ พิษณุโลก, เชียงราย, เชียงใหม่, สุราษฎร์ธานี , นครศรีธรรมราช, หาดใหญ่, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, อุดรและนครราชสีมา เป็นต้น
โดยจะเน้นการพัฒนาคอนโดมิเนียมเป็นหลักกว่า 20 อาคาร ส่วนโรงแรมมีแผนให้ครบ 10 แห่ง ภายใน 3 ปี ทั้งการเข้าซื้อกิจการโรงแรมเดิมหรือการลงทุนใหม่ โดยในปีนี้คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ 2 แห่ง มูลค่า 800-1,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนใหม่ 1 แห่งและซื้อกิจการ
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะซื้อกิจการโรงแรมเพิ่มเดิมจากแผนเดิมที่มีอยู่โดยเฉพาะ หัวเมืองหลักและหัวเมืองท่องเที่ยวที่มีขนาดตั้งแต่ 150 ห้องขึ้นไป
สำหรับอาคารสำนักงานนั้นอยู่ระหว่างลงทุนพัฒนากระจายตามหัวเมืองหลักๆเช่นเดียวกัน ปัจจุบันมีที่ดินสำหรับพัฒนาแล้ว 5 แปลง ได้แก่ พิษณุโลก นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ และเชียงใหม่ โดยจะเป็นอาคารขนาดเล็กสูงไม่เกิน 10 ชั้น มูลค่าลงทุน 200-300 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะนำที่ดินสะสมอีกกว่า 4,000 ไร่ ทะยอยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยแปลงใหญ่สุดอยู่ที่จ.ระยองเนื้อที่ 3,200 ไร่มีแผนที่จะพัฒนาเป็นนิคมอุตสหากรรม ซี.พี.อินดัสเทรียล เอสเตท โดยเริ่มพัฒนามาแล้ว 2-3 ปี คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนนการได้ในปี 2558 มูลค่าขายกว่า 4,000 ล้านบาท
*****ดัน3อาคารสนง.ตั้งกองทุนหมื่นล้าน
นายสุนทร กล่าวต่อว่า จากแนวโน้มการเติบโตของอาคารสำนักงานในเขตกรุงเทพฯ บริษัทฯ จึงเตรียมนำอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าของ ซี.พี.แลนด์ ที่ประกอบไปด้วย อาคารซี.พี.ทาวเวอร์ 1 (สีลม) ซี.พี.ทาวเวอร์ 2 (ฟอร์จูนทาวน์) และซี.พี.ทาวเวอร์ 3 (พญาไท) จัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาฯ ซึ่ง 3 อาคารอาคารดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท สร้างรายได้ค่าเช่าปีละกว่า 1,200 ล้านบาท โดยได้เริ่มดำเนินการมาได้ระยะหนึ่งแล้วคาดว่าจะสามารถตั้งกองทุนได้ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับแผนการลงทุนในปี 56 นี้บริษัทตั้งเป้าเปิดคอนโดฯจำนวน 20 อาคาร จำนวน 5,600 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 1-1.5 ล้านบาท มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ กัลปพฤก ปัจจุบันมียอดขายไปแล้ว 80% โดยในปลายปีนี้จะเปิดอีก 2 โครงการ ในวันนี้ 12 กันยายน 56 เปิดที่พิษณุโลก จำนวน 200 ยูนิต มูลค่าขาย 260 ล้านบาท เดือนพฤษจิกายนเปิดที่เชียงราย
ทั้งนี้ ผลจากการขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาฯเพื่อขาย อย่างต่อเนื่องจะทำให้หลังจากนี้ 3 ปี สัดส่วนรายได้ของบริษัทเปลี่ยนไปจากเดิมรายได้จากการเช่าคิดเป็น 70% ของรายได้รวมและรายได้จากการขาย 30% เปลี่ยนเป็นรายได้จากการขาย 50% และเช่า 50% โดยปีที่ผ่านมาบิรษัทมีรายได้ 1,700 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากค่าเช่า 1,200 ล้านบาท รายได้จากโรงแรม 350 ล้านบาท และรายได้จากการขาย 200 ล้านบาท โดยในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,300 ล้านบาท
นายสุนทร กล่าวต่อว่า นอกจากการลงทุนในประเทศแล้วบริษัทยังสนใจขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน โดยได้ให้ทีมงานเข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในประเทศต่างๆ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป นอกจากนี้บริษัทยังได้ชักชวนนักลงทุนรายใหญ่ด้านอสังหาฯ ชาวจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาว่าจะเข้ามาลงทุนประเภทอะไร คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 ปีนี้.
