xs
xsm
sm
md
lg

กูรูแนะใช้ DCA เก็บ LTF-RMF ช่วยลดความเสี่ยงต้นทุนได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิป แนะนักลงทุนใช้เทคนิค Dollar Cost Averaging เก็บกองทุนคู่หูประหยัดภาษี LTF-RMF ช่วยเฉลี่ยต้นทุนจากการลงทุนและความผันผวนของตลาดหุ้นอีกด้วย

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ในระยะสั้นอาจจะยังผันผวนจากการคาดการณ์ปรับลดมาตรการ QE ของ FED, ปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ และปัญหาในซีเรีย แต่สามารถทยอยสะสมกองทุนได้ หากเป็นการลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนในกองทุน Asset Plus S&P 500
    
โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลข GDP ที่เพิ่มขึ้นเป็น 2.5% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มต้นปรับลดขนาดวงเงินในมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนนี้ แต่ปัจจุบันเริ่มมีความไม่แน่นอนเท่าไหร่นัก เนื่องจากมีปัจจัยใหม่ๆ ที่ชะลอการตัดสินใจของเฟด

โดยปัจจัยแรกคือการที่ชาติมหาอำนาจตะวันตกมีแนวโน้มที่จะใช้กำลังทางทหารโจมตีซีเรีย และปัจจัยที่ 2 คือความเป็นไปได้ที่นักการเมืองสหรัฐฯ อาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสร้างความกังวลให้แก่นักลงทุน
    
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจจีนเองมีเสถียรภาพมากขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มที่ GDP จะเติบโตตามคาด 7.5% แต่การปรับตัวยังคงต้องใช้เวลาเนื่องจากมีนโยบายการเงินที่เข้มงวดจากรัฐบาล แนะนำให้สะสมกองทุนหุ้นจีนแบบระยะยาว โดยกองทุนที่แนะนำคือ กองทุน AberdeenChina Gateway Fund (ABCG) ของ บลจ.อเบอร์ดีน
    
ในส่วน LTF และ RMF ของปีนี้ มองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเริ่มสะสม โดยกองทุนแนะนำยังคงเป็น KFLTFDIV ของ บลจ.กรุงศรี และกองทุน ABSC-RMF ของ บลจ.อเบอร์ดีน ทั้งนี้ หากนักลงทุนยังวิตกเรื่องความผันผวนของตลาด แนะนำให้ใช้การลงทุนแบบ Dollar Cost Averaging ซึ่งเป็นการลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทุกๆ เดือน อย่างสม่ำเสมอ
    
ทั้งนี้ นักลงทุนพากันเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยเนื่องจากความตึงเครียดเพิ่มขึ้นที่ซีเรีย ส่วนกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟทองคำใหญ่ที่สุดในโลกมีการถือครองทองคำมากขึ้น ทำให้นักลงทุนบางส่วนมีการเทขายเพื่อทำกำไรระยะสั้น ส่งผลให้ราคาทองคำผันผวนลงมาปิดที่ $1,395.69 US/oz (-0.05% WoW) ราคาทองในระยะยาวอาจได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่งขึ้น และมาตรการของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการปรับลด QE ส่วนราคาน้ำมัน นักลงทุนยังกังวลอุปทานน้ำมัน เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ชาติตะวันตกจะเข้าร่วมรบในความขัดแย้งในซีเรีย ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Nymex ปรับตัวขึ้นปิดที่ $107.65 US/bbl (+1.16% WoW) ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent พุ่งขึ้นปิดที่ $115.21 US/bbl (+2.55% WoW)
    
“สำหรับทองคำและน้ำมัน สถานการณ์ในซีเรียส่งผลยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อยู่ตลอด ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง ส่วนระยะยาวต้องรอปัจจัยอื่นๆ จึงไม่แนะนำให้สะสมเพิ่มในช่วงนี้” นายสานุพงศ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น