xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.แมนูไลฟ์มอง ศก.ไทยชะลอตัว หวังการลงทุนภาครัฐดันการเติบโต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.แมนูไลฟ์มองเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัว คาดไตรมาส 3 และ 4 น่าจะปรับตัวดีขึ้นจากแรงจับจ่ายใช้สอยและการท่องเที่ยว หวังการลงทุนจากภาครัฐดันเศรษฐกิจไทยเติบโตต่อในปีหน้า พร้อมแนะนักลงทุนลุยลงทุนสหรัฐฯ และเอเชีย หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว

นายต่อ อินทรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาความกังวลของนักลงทุนในแง่ของความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมถึงการประกาศลดจีดีพีของสภาพัฒน์ทำให้ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในสองวันที่ผ่านมานั้นปรับตัวลดลง ขณะเดียวกัน เรื่องการถอน QE ของสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนกังวล

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังรอความชัดเจนของรัฐบาลในแง่การลงทุนผ่านรัฐ ซึ่งหากมีการผ่านร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน และ พ.ร.บ.บริหารจัดการน้ำ คาดว่าตลาดหุ้นและภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 2 อาจจะไม่ค่อยดี แต่เชื่อว่าในไตรมาสที่ 3 นี้ผลประกอบการจะดีขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากมีการบริโภคที่เพิ่มขึ้นของประชาชน และสิ่งที่ตลาดกำลังจับตาดูต่อจากนี้คือการประกาศตัวเลขภาพรวมเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า

นายต่อกล่าวต่อว่า หากมองจากพื้นฐานก่อนที่สหรัฐฯ จะประกาศใช้ QE ซึ่งมีผลประมาณ 3 ปี หุ้นไทยมี P/E อยู่ที่ 10 เท่า ซึ่งปัจจุบันหุ้นไทยมี P/E อยู่ที่ 14 เท่า ซึ่งหากมีการถอน QE ออกจากตลาดสหรัฐฯ เงินไหลออกประมาณ 20% เรามองว่า P/E อยู่ที่ 11 เท่า เป็นฐานของหุ้นไทยหรือประมาณ 1,200-1,300 เป็นแนวรับ

นางสาวจินตนา เมฆินทรางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บลจ.แมนูไลฟ์ มองว่า การประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 2 ของสภาพัฒน์ที่ประมาณ 2.8 นั้น ทางเราประเมินว่าในไตรมาสที่ 3 และที่ 4 จะดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ 2 เนื่องมาจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว รวมถึงการจับจ่ายใช้สอยที่จะกลับเข้ามา โดยเฉพาะไตรมาสที่ 4 ซึ่งเราประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน นอกจากนี้ หากภาครัฐมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะยิ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย

“เรามองว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยอาจจะชะลอตัว ซึ่งทั้งปีจีดีพีจะอยู่ที่ประมาณ 4% เชื่อว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานน่าจะเกิดขึ้นและส่งผลให้ภาพรวมในปีหน้าจะดีขึ้นกว่านี้”

แบ่งเงินลุยหุ้นสหรัฐฯ

นายต่อกล่าวต่อว่า สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนในช่วงนี้คือไม่ควรถือตราสารหนี้ระยะยาว ในส่วนของหุ้นนั้นเรามองว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ เอเชีย หรือยุโรป ซึ่งอาจจะมีการแบ่งหุ้นไปลงทุนในสหรัฐฯ ประมาณ 30% เอเชีย 30% และอีก 40% ที่เหลือก็กระจายลงทุนในหุ้นไทย หรือสินทรัพย์อื่นๆ

ทางด้าน Mr.Mahesh Fonseka Managing Director, Equity Product Management Manulife Asset Management (Asia) มองว่า ในส่วนภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการเติบโตมากขึ้น โดยตัวผลักดันให้เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นคือราคาบ้านและที่อยู่อาศัยเริ่มปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานใหม่มีแนวโน้วดีขึ้นก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี รวมถึงยอดขายรถยนต์ ส่งผลให้ประชาชนมีความมั่นใจและหันมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจของเอเชีย เรามองกลุ่มประเทศเอเชียเหนือ ได้แก่ จีน ไต้หวัน เกาหลี ฮ่องกง จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ดี แม้ว่าประเทศจีนจะต้องปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อสร้างการเติบโตแบบยั่งยืน


กำลังโหลดความคิดเห็น