อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิตชี้ตลาดประกันชีวิตไทยสดใส โดยเฉพาะต่างจังหวัด-อีสาน มั่นใจทั้งปีกวาดเบี้ยทะลุเป้า 25,000 ล้านบาท พร้อมกำไรก้อนโต 2,700 ล้านบาท หลังไตรมาส 2 ปีนี้ทำยอดเพิ่มอื้อ ส่วนครึ่งปีกำไรแล้ว 1,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันย้ำฐานะทางการเงินสุดแกร่ง ไม่หวั่นหุ้นตก ดอกเบี้ยทรุด เหตุมีกองทุนสำรองกว่า 2 หมื่นล้านบาท สูงกว่าที่ คปภ.กำหนดถึง 373%
นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อลิอันซ์ อยุธยาประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ AZAY เปิดเผยว่า ตลาดประกันชีวิตในประเทศไทยเชื่อว่ายังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก
โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด และภาคอีสาน ซึ่งบริษัทพยายามผลักดันให้ตัวแทนของบริษัทมีบทบาทในการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น จึงได้มีการลงทุนไปกว่า 100 ล้านบาทเพื่อพัฒนาและตั้งศูนย์อบรมตัวแทนตามภูมิภาค และจะมีการลงทุนในรูปแบบนี้อย่างต่อเนื่องไปอีก 2-3 ข้างหน้า
ทั้งนี้ การขยายงานดังกล่าวส่งผลให้สัดส่วนลูกค้าต่างจังหวัดของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50% เมื่อเทียบกับลูกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ยังพบว่าในต่างจังหวัดกรมธรรม์ประเภทให้ความคุ้มครองยังได้รับความนิยมมากขึ้นด้วย
ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทเชื่อว่าจะเกินกว่าเป้าที่กำหนดไว้ และจะสามารถทำเบี้ยรับรวมได้เกิน 25,000 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 2,700 ล้านบาทได้ โดยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้บริษัทมีเบี้ยรับรวมเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12% อยู่ที่ 5,768 ล้านบาท และเบี้ยประกันรับปีแรกเติบโตขึ้น 25% อยู่ที่ 1,287 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันจากช่องทางตัวแทน 600 ล้านบาท เติบโต 24% ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ทำได้ 360 ล้านบาท เติบโต 18% ช่องทางการตลาดขายตรงทำได้ 307 ล้านบาท เติบโต 36% และช่องทางอื่นๆ 21 ล้านบาท เติบโต 22%
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทมีเบี้ยประกันรับรวม 11,300 ล้านบาทเติบโต 12% เป็นเบี้ยประกันรับปีแรก 2,400 ล้านบาท เติบโต 15% และมีกำไรสุทธิ 1,000 ล้านบาท
ย้ำฐานะแกร่งไม่หวั่นหุ้นตก-ดอกเบี้ยทรุด
นายไบรอันกล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทมีเงินกองทุนสำรองอยู่ถึง 20,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้ถึง 373% หรือที่ 5,503 ล้านบาท โดยการสำรองเงินกองทุนที่มากกว่าที่กำหนดไว้เพื่อรองรับสถานการณ์และปัจจัยลบต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาการทดสอบฐานะทางการเงินของบริษัทในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ พบว่า ถึงแม้บริษัทจะต้องเผชิญกับภาวะหุ้นตกถึง 40% หรืออัตราดอกเบี้ยลดลงอีก 2% รวมถึงการผิดนัดชำระหนี้ของภาคเอกชน ก็จะไม่กระทบฐานะทางการเงินของบริษัทมากนัก
“เรารองทำข้อสมมติฐานดูแล้วพบว่าหุ้นตก 4% จะกระทบกองทุนเราเล็กน้อย ส่วนดอกเบี้ยถ้าลง 2% กองทุนเราก็ยังเหลือ 19,000 ล้านบาท และถ้ามีการผิดชำระหนี้ก็ยังเหลือ 19,000 ล้านบาทเช่นกัน โดยนอกจากนี้หากรวมสินทรัพย์การลงทุนแล้วบริษัทจะมีสินทรัพย์ทั้งสิ้นกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งการลงทุนกว่า 96% อยู่ในพันธบัตรรัฐบาลทำให้ฐานะการเงินของเรามีความแข็งแกร่งมาก ส่วนเรื่องผลตอบแทนในปีนี้ก็คาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.5%ได้” นายไบรอันกล่าว
นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อลิอันซ์ อยุธยาประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ AZAY เปิดเผยว่า ตลาดประกันชีวิตในประเทศไทยเชื่อว่ายังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก
โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด และภาคอีสาน ซึ่งบริษัทพยายามผลักดันให้ตัวแทนของบริษัทมีบทบาทในการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น จึงได้มีการลงทุนไปกว่า 100 ล้านบาทเพื่อพัฒนาและตั้งศูนย์อบรมตัวแทนตามภูมิภาค และจะมีการลงทุนในรูปแบบนี้อย่างต่อเนื่องไปอีก 2-3 ข้างหน้า
ทั้งนี้ การขยายงานดังกล่าวส่งผลให้สัดส่วนลูกค้าต่างจังหวัดของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50% เมื่อเทียบกับลูกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ยังพบว่าในต่างจังหวัดกรมธรรม์ประเภทให้ความคุ้มครองยังได้รับความนิยมมากขึ้นด้วย
ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทเชื่อว่าจะเกินกว่าเป้าที่กำหนดไว้ และจะสามารถทำเบี้ยรับรวมได้เกิน 25,000 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 2,700 ล้านบาทได้ โดยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้บริษัทมีเบี้ยรับรวมเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12% อยู่ที่ 5,768 ล้านบาท และเบี้ยประกันรับปีแรกเติบโตขึ้น 25% อยู่ที่ 1,287 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันจากช่องทางตัวแทน 600 ล้านบาท เติบโต 24% ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ทำได้ 360 ล้านบาท เติบโต 18% ช่องทางการตลาดขายตรงทำได้ 307 ล้านบาท เติบโต 36% และช่องทางอื่นๆ 21 ล้านบาท เติบโต 22%
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทมีเบี้ยประกันรับรวม 11,300 ล้านบาทเติบโต 12% เป็นเบี้ยประกันรับปีแรก 2,400 ล้านบาท เติบโต 15% และมีกำไรสุทธิ 1,000 ล้านบาท
ย้ำฐานะแกร่งไม่หวั่นหุ้นตก-ดอกเบี้ยทรุด
นายไบรอันกล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทมีเงินกองทุนสำรองอยู่ถึง 20,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้ถึง 373% หรือที่ 5,503 ล้านบาท โดยการสำรองเงินกองทุนที่มากกว่าที่กำหนดไว้เพื่อรองรับสถานการณ์และปัจจัยลบต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาการทดสอบฐานะทางการเงินของบริษัทในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ พบว่า ถึงแม้บริษัทจะต้องเผชิญกับภาวะหุ้นตกถึง 40% หรืออัตราดอกเบี้ยลดลงอีก 2% รวมถึงการผิดนัดชำระหนี้ของภาคเอกชน ก็จะไม่กระทบฐานะทางการเงินของบริษัทมากนัก
“เรารองทำข้อสมมติฐานดูแล้วพบว่าหุ้นตก 4% จะกระทบกองทุนเราเล็กน้อย ส่วนดอกเบี้ยถ้าลง 2% กองทุนเราก็ยังเหลือ 19,000 ล้านบาท และถ้ามีการผิดชำระหนี้ก็ยังเหลือ 19,000 ล้านบาทเช่นกัน โดยนอกจากนี้หากรวมสินทรัพย์การลงทุนแล้วบริษัทจะมีสินทรัพย์ทั้งสิ้นกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งการลงทุนกว่า 96% อยู่ในพันธบัตรรัฐบาลทำให้ฐานะการเงินของเรามีความแข็งแกร่งมาก ส่วนเรื่องผลตอบแทนในปีนี้ก็คาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.5%ได้” นายไบรอันกล่าว