xs
xsm
sm
md
lg

กูรูแนะเก็บกองหุ้น LTF-RMF ใช้วีธีถัวเฉลี่ยลดความเสี่ยง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิปแนะนักลงทุนทยอยเก็บหุ้นกองทุน LTF-RMF เข้าพอร์ต พร้อมชูวิธีลงทุนแบบ Dollar Cost Averaging ช่วยลดความเสี่ยงจังหวะการลงทุน

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีหนุนราคาสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวมให้ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวลดลงจากความกังวลการลด/เลิกมาตรการ QE อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องแบบนี้ทำให้ปัจจัย QE จะเริ่มกลับมาสร้างแรงกดดันอีกครั้งต่อตลาดหุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะราคาทองคำให้เกิดความผันผวนได้อีก

ในส่วนของตลาดหุ้นไทยเองกำลังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในประเทศส่งผลให้บรรยากาศในการลงทุนดูจะซบเซาลงไป นักลงทุนต่างรอดูสถานการณ์ทำให้ SET Index แกว่งตัวในกรอบรอความชัดเจน ซึ่งเรามองว่าขณะนี้ SET Index ได้ซึมซับปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว หากไม่ได้มีเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้น เชื่อว่า SET Index น่าจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลกได้

สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่ได้ลงทุนตามในกองทุน LTF-RMF นั้นเรายังคงคำแนะนำสะสมกองทุนหุ้น LTF-RMF สำหรับปีนี้ โดยกองทุนที่แนะนำยังคงเป็นกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) ของ บลจ.กรุงศรี ส่วนกองทุนหุ้น RMF แนะนำกองทุนเปิดอเบอร์ดีนสมาร์ทแคปปิตอลเพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSC-RMF) ของ บลจ.อเบอร์ดีน ทั้งนี้ หากนักลงทุนไม่มีเวลาติดตามตลาด หรือไม่มั่นใจในการจับจังหวะตลาดด้วยตัวเอง เรายังคงแนะนำให้ใช้การลงทุนแบบ Dollar Cost Averaging โดยแบ่งเงินลงทุนในแต่ละเดือนเท่าๆ กัน และลงทุนสม่ำเสมอทุกๆ เดือน

ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศกลุ่ม G3 โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป ส่งสัญญาณที่ดีในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 19,000 ราย ส่งผลให้คาดการณ์ตัวเลขการจ้างงานออกมาเป็นบวกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรล่าสุดประกาศออกมาปรับตัวขึ้น 162,000 ตำแหน่ง แม้ว่าจะปรับขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์กันไว้ แต่การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องยังคงทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจต่อภาคแรงงานของสหรัฐฯ รวมไปถึงอัตราการว่างงานที่ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยลดลงเหลือ 7.4% ซึ่งเป็นอัตราการว่างงานที่ต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเป็นต้นมา

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ปรับตัวสวนทางกับตลาดหุ้นภูมิภาค แม้ว่าจะมีแรงหนุนจากปัจจัยภายนอก แต่ปัจจัยการเมืองภายในทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในช่วงนี้ ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง ต่างชาติยังคงขายสุทธิในหุ้นไทยในสัปดาห์ที่แล้ว

ทางด้านราคาทองคำสัปดาห์ที่ผ่านมาเข้าสู่ช่วงพักฐาน หลังจากพุ่งขึ้นแรงในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยในสัปดาห์นี้ราคาทองคำโดนกดดันอีกครั้งจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และข้อมูลการจ้างงานที่ไม่ชัดเจน โดยการจ้างงานสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด แต่อัตราการว่างงานกลับลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ 7.4% ทำให้ราคาทองคำมีความผันผวนและปิดปรับตัวลงมาที่ $1,311.50 US/oz (-1.63% WoW) ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุน SPDR Gold Trust ถือทองคำลดลงเหลือ 918.64 ตัน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ถืออยู่ 927.35 ตัน


กำลังโหลดความคิดเห็น