บลจ.อเบอร์ดีนชี้ต่างชาติเทขายปรับพอร์ตลงทุนเป็นผลดีทำให้ตลาดหุ้นไทยไม่ขึ้นเกินจริง มองปัจจัยพื้นฐานหุ้นยังไม่เปลี่ยน แนะ ราคาถูกเป็นจังหวะลงทุนในระยะยาว
นายอดิเทพ วรรณพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นว่า ในช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยที่มีการปรับตัวลงจากแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติจำนวนมาก เนื่องจากความไม่มั่นใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ออกมาพูดถึงความเป็นไปได้ในการหยุดซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งการที่รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าซื้อพันธบัตรจำนวนมากอย่างต่อเนื่องทุกๆ เดือนส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ในระดับต่ำ และหากหยุดซื้อก็จะส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาผลตอบแทนต่ำมาตลอด ดังนั้นจึงทำให้พันธบัตรสหรัฐฯ เริ่มมีความน่าสนใจขึ้น นักลงทุนจึงเกิดการปรับพอร์ตการลงทุนและเทขายหุ้นออกมา แต่มองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังไม่น่าจะยกเลิกมาตรการ QE เพราะยังเร็วเกินไป
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นยังไม่มีความเปลี่ยนแปลง แม้ว่าตลาดหุ้นในเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ไทย โดยขายทำกำไรมากก็ตาม เนื่องจากตลาดหุ้นไทยนั้นปรับตัวดีขึ้นเกินคาด การขายออกไปบ้างถือเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตามความผันผวนที่เกิดขึ้นก็จะเป็นในช่วงระยะสั้น
“การขายทำกำไรของต่างชาตินั้นเป็นการขายตามรอบของการลงทุนไว้ ซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นไทย ทำให้ตลาดหุ้นไม่ปรับขึ้นไปเกินความจริง สำหรับราคาในตอนนี้ที่ระดับ P/E 13 เท่าซึ่งถือว่าถูก และเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการลงทุนในระยะยาว”
นายอดิเทพ กล่าวว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มมีการชะลอตัวลง หลังจากก่อนหน้านี้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากปัญหาน้ำท่วม นโยบายบ้านหลังแรก รถคันแรก ดังนั้นจึงต้องมองการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตบแทนที่เหมาะสมกับความเป็นจริง ซึ่งมองว่าผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ระดับ 10-11% และเงินปันผลประมาณ 3% ถือเป็นผลตอบแทนที่ดี และเหมาะสม แต่บางบริษัทที่มีการออกไปลงทุนในต่างประเทศนั้นก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นได้
“การเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ระดับ 4.5-5% ถือเป็นระดับที่เหมาะสม แต่ควรจะต้องมีการลงทุนต่อเนื่องให้มีการเติบโต โดยเฉพาะการลงทุนในงบประมาณ 2 ล้านล้านบาทถือเป็นเรื่องเหมาะสม” นายอดิเทพกล่าว