บลจ.ไอเอ็นจี เผยกระบวนการซื้อขายหุ้นระหว่าง บลจ.ไอเอ็นจี และ บลจ.ยูโอบีเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมเปลี่ยนชื่อ บลจ.เป็นยูโอบี ทันที ล่าสุดให้ความมั่นใจการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นครั้งนี้จะไม่กระทบกับกองทุนและผู้ถือหน่วยลงทุน พร้อมประเมิน AUM เพิ่มขึ้นกว่าแสนล้าน ดันมาร์เกตแชร์เพิ่ม
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่ บลจ.ไอเอ็นจีเคยมีหนังสือแจ้งให้ทราบว่ากลุ่มไอเอ็นจีได้มีข้อตกลงที่จะขายธุรกิจบริหารจัดการกองทุนในประเทศไทยให้กับ UOB Asset Management Limited หรือ UOBAM สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กระบวนการซื้อขายหุ้นของ บลจ.ไอเอ็นจี ระหว่างกลุ่มไอเอ็นจี และ UOBAM ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 และในการนี้ UOBAM จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท โดยถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนทั้งหมด และบริษัทได้ดำเนินการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ UOB Asset Management (Thailand) Co., Ltd,
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นและชื่อบริษัทดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ในด้านการลงทุนและการให้บริการต่อลูกค้าที่ลงทุนกับบริษัท รวมถึงบรรดาสิทธิและหน้าที่ตามนิติกรรมสัญญาต่างๆ ที่บริษัทได้กระทำในนามบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ING Funds (Thailand) Co., Ltd, สำหรับสถานที่ติดต่อและสำนักงานของบริษัทนั้นยังคงเดิมทุกประการ
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถนำการเติบโตและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในประเทศไทยรวมถึง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อให้บริการกับลูกค้า จากการผสานความแข็งแกร่งทางธุรกิจระหว่างกลุ่มธนาคารยูโอบี กับ UOB Asset Management Limited
ก่อนหน้านี้ นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เคยให้สัมภาษณ์ว่า การควบรวมธุรกิจระหว่าง บลจ.ไอเอ็นจี และ บลจ.ยูโอบี จะทำให้ บลจ.ยูโอบีมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเกินระดับ 100,000 ล้านบาท ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 6 ของอุตสาหกรรมกองทุนรวม และหลังจากควบรวมแล้วจะนำไปสู่การลงทุนทางเลือกมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าจะเติบโตขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 5 ของอุตสาหกรรม
“จากการเข้าซื้อ บลจ.ไอเอ็นจี ทางบริษัทฯ มองว่าไม่มีการปรับลดคนหรือเลิกจ้างคนลงแต่อย่างใด เพราะต้องการขยายธุรกิจให้บาลานซ์ และรองรับการเติบโตที่มีศักยภาพเต็มที่เพื่อเสนอทางเลือกในสินค้าต่างๆ มากขึ้น”