xs
xsm
sm
md
lg

ยูโอบีจ่อควบ ING ขยายธุรกิจ คาดดัน AUM โตเกิน 1 แสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.ยูโอบีเผย เตรียมควบรวม บลจ. “ไอเอ็นจี” ขยายการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ประกาศแผนงานปี 56 ตั้งเป้า AUM ทะลุแสนล้าน เน้นเติบโตทุกธุรกิจแบบมีศักยภาพ จับการลงทุน Private Equity กลุ่มอุตสาหกรรมให้ผลตอบแทนสูง

นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวว่า ในเรื่องการเข้าซื้อ บลจ.ไอเอ็นจีในช่วงปลายปีที่ผ่านมานั้น ขณะนี้รอการอนุมัติการซื้อขายอย่างเป็นทางการจาก ก.ล.ต. ของทั้ง 3 ประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะเรียบร้อยในช่วงไตรมาส 1 นี้ และมีความเป็นไปได้ที่จะควบรวมกิจการของ บลจ.ไอเอ็นจี ประเทศไทย กับ บลจ.ยูโอบี ประเทศไทย เข้าด้วยกัน ส่งผลให้ บลจ.ยูโอบีจะมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเกินระดับ 100,000 ล้านบาท ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 6 ของอุตสาหกรรมกองทุนรวม และหลังจากควบรวมแล้วจะนำไปสู่การลงทุนทางเลือกมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าจะเติบโตขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 5 ของอุตสาหกรรม

“จากการเข้าซื้อ บลจ.ไอเอ็นจี ทางบริษัทมองว่าไม่มีการปรับลดคนหรือเลิกจ้างคนลงแต่อย่างใด เพราะต้องการขยายธุรกิจให้บาลานซ์ และรองรับการเติบโตที่มีศักยภาพเต็มที่เพื่อเสนอทางเลือกในสินค้าต่างๆ มากขึ้น” นายวนากล่าว

สำหรับภาพรวมในปี 2555 ที่ผ่านมาบริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) อยู่ที่ 79,677 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 65,744 ล้านบาท คิดเป็น 21.19% เป็นการเติบโตในกองทุนรวมอยู่ที่ 60,182 ล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ที่ 10,102 ล้านบาท กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 2,854 ล้านบาท

ส่วนในปี 2556 ตั้งเป้าสินทรัพย์เติบโตเกิน 100,000 ล้านบาท หรือ 31% เน้นการเติบโตทุกธุรกิจ เป็นการเติบโตทางการลงทุนแบบมีศักยภาพเน้นการออกกองทุนที่หลากหลาย และการออกโปรดักต์ที่เป็นการลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity) ที่ลูกค้าให้ความสนใจ โดยมองไปที่กลุ่มธุรกิจประเภทอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตจากการผลิตเช่นอุตสาหกรรมอาหาร มูลค่าขนาดไม่ต่ำ 100 ล้านบาท มีรูปแบบทั้งที่บริษัทเข้าไปลงทุนโดยถือหุ้นร่วมกันและไม่ได้ถือหุ้นร่วมกัน แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่สูงแต่สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน โดยตั้งเป้าผลตอบแทนของธุรกิจ (IRR) อยูที่ระดับ 15% ขึ้นไป

“ในปีนี้จะนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้าใหม่ เพราะมีบริษัทแม่ที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของ บลจ.ยูโอบี เพื่อแสวงหาโอกาสและสร้างความมั่งคั่งให้นักลงทุนในระยะยาว”นายวนากล่าว

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้อีก โดยเป็นโรงแรม 2 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ มูลค่ากองทุนละประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนแบบฟรีโฮลด์ ให้ผลตอบแทนประมาณ 7% นอกจากนี้ยังให้ความสนใจกองทุนโครงสร้างพื้นฐานด้วยเช่นกัน โดยเล็งไปที่กลุ่มพลังงาน

นางสาวณัชชา สุนทรธาราวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด กล่าวถึงแผนการตลาดในปีนี้ว่า บลจ.ยูโอบีมีเป้าหมายที่จะขยายกลุ่มลูกค้า ผลิตภัณฑ์ และโอกาสการลงทุนใหม่ๆ นำเสนอการลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และในปีนี้ได้เพิ่มบริการทะเบียนสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อเป็นการให้บริการแบบครบวงจร โดยจะเน้นเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นทั้งในกลุ่มลูกค้าทั่วไป กลุ่มลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ก และกลุ่มลูกค้าอัลตราเน็ตเวิร์ก

ปัจจุบันบริษัทมีบัญชีลูกค้าทั้งหมด 40,000 ราย และมีฐานลูกค้าบุคคลประมาณ 70% เป็นลูกค้าสถาบัน 30% ซึ่งในส่วนลูกค้าบุคคลมีการขายผ่านธนาคารยูโอบีประมาณ 80% ในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตทุกส่วน นอกจากนี้ยังมีช่องทางการขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ต คาดว่าในช่วงไตรมาสแรกนี้จะเปิดให้มีการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตได้

สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปัจจุบันมีฐานลูกค้าที่เป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ 40% และสถาบัน 60% ในปีนี้จะเน้นการเติบโตในทุกกลุ่มลูกค้า โดยหาลูกค้าใหม่ด้วยการบอกต่อกันจากผลการดำเนินงานที่ดีของบริษัท นอกจากนี้ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะเป็นในรูปแบบ Employee's choice มากขึ้น ปัจจุบัน บลจ.ยูโอบีมีนโยบายการลงทุนอยู่ 7 นโยบาย ให้สมาชิกได้เลือกลงทุน


กำลังโหลดความคิดเห็น