xs
xsm
sm
md
lg

ค่ายบัวหลวงบริหารกองทุนบัวหลวงทศพลอย่างไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์บัวหลวง Money Tips
วรวรรณ ธาราภูมิ
CEO กองทุนบัวหลวง

บลจ.บัวหลวง มีแนวทางการบริหารกองทุนเชิงรุก หรือ Active management ที่มีกองทุนหุ้นซึ่งกระจายลงทุนไปในหุ้นหลายสิบตัวโดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นกลุ่มไหน อย่าง บัวแก้ว บัวแก้วปันผล ทรัพย์บัวหลวง ฯลฯ และมีกองทุนที่เน้นหุ้นเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมอย่าง บัวหลวงโครงสร้างพื้นฐาน กับ บัวหลวงธนคม แล้ว เราจึงอยากมีกองทุนที่ไม่กระจายการลงทุนไปในหุ้นหลายๆ ตัวบ้าง โดยลงทุนหุ้นเพียง 10 ตัว ไม่จำกัดกลุ่ม ซึ่งเป็นหุ้นที่วิเคราะห์แล้วว่าจะเป็นเรือธงให้กองทุนอื่นๆ ของเราได้

ที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าซื้อหุ้นอะไรแล้วมันจะขึ้นทุกตัว และการลงทุนหุ้นน้อยตัวไม่กระจายมากๆ อย่างกองอื่นๆ ก็ไม่ใช่จะเพิ่มความเสี่ยงเสมอไปถ้าเลือกถูกตัว นอกจากนี้ ตลาดหุ้นในอดีตก็มีหุ้นไม่กี่ตัวที่น่าลงทุน บัวหลวงทศพล จึงน่าจะตอบโจทย์ 3 ด้านได้ คือ

1. วัดฝีมือผู้จัดการกองทุนว่าการเลือกลงทุนแค่ 10 ตัว จะเข้าเป้าไหม กองทุนที่ลงทุนหุ้น 50 ตัวนั้นสมมติว่าให้น้ำหนักเท่าๆ กัน ก็ลงได้ตัวละ 2% ส่วนกองทุนที่ลงทุนหุ้นแค่ 10 ตัว ก็ได้ตัวละ 10% ดังนั้นหากเข้าเป้า เวลาได้ก็ได้มากเพราะลงไว้เยอะ และถ้าเสียก็เสียมาก แต่เมื่อเราวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เข้าใจในสิ่งที่ลงทุน และทำตามปรัชญาการลงทุนของเราคือ “คัดสรรหุ้นที่ดีที่สุดมาลงทุน” ผลออกมาก็เข้าเป้า

2. ด้าน Process ในห้องเครื่อง (กลุ่มจัดการกองทุน-ด้านวิเคราะห์คัดเลือกหุ้น) สามารถใช้ Port ต้นแบบของทศพลไปเป็น Core Portfolio ในกองอื่นๆ ได้ เพราะหากหุ้นที่เราคัดสรรอย่างดีแล้ว 10 ตัวไปปรากฏอยู่ในพอร์ตบัวหลวงทศพล แต่ไม่ปรากฏในพอร์ตของกองทุนอื่นๆ ของเราที่สามารถลงทุนได้ มันก็แปลกประหลาดแล้ว

3. การตลาด บัวหลวงทศพล ตอบโจทย์ผู้ที่เบื่อการกระจายการลงทุนมากๆ และทำให้มีจุดขายที่แตกต่างจากกองทุนอื่นๆ

บัวหลวงทศพล จึงเกิดขึ้นมาเมื่อ 7 ต.ค. 2537 นี่ก็กำลังย่างเข้าปีที่ 19 ของกองทุน

สำหรับนโยบายการลงทุน บัวหลวงทศพลลงทุนในหุ้น 10 ตัว โดยเน้นการลงทุนในระยะกลาง-ยาว ซึ่งคาดหวังว่าจะให้ผลตอบแทนที่สูงในลำดับต้นๆ โดยเป็นหุ้นที่เราวิเคราะห์ว่ามีปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรและมีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ

ในภาพรวม เราพิจารณา 2 ด้าน

1) Asset allocation หรือการกำหนดว่าทั้งกองทุนนี้ เราจะลงทุนหุ้นรวมๆ แล้วกี่เปอร์เซ็นต์

เราดูภาพกว้าง คือสภาพเศรษฐกิจทั้งต่างประเทศและในประเทศว่าเอื้อต่อการลงทุนในหุ้นมากน้อยเพียงใด โดยต้องเผื่อสภาพคล่องไว้สำหรับลูกค้าถอนหน่วยลงทุนซึ่งจะมากน้อยแค่ไหนก็ต้องรู้จักพฤติกรรมลูกค้ารายใหญ่ในพอร์ตด้วย (เพราะแม้โครงการจะเขียนว่าคืนเงินให้ลูกค้าไม่เกินวันที่ T+4 แต่เรามักคืนเงินให้ลูกค้าได้ในวันที่ T+1) ซึ่งในวันนี้เรายังลงทุนหุ้นด้วยน้ำหนักที่มากแม้ว่าราคาหุ้นปรับตัวมาสูง เพราะเรายังมีมุมมองที่ดีเนื่องจากยังมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ

ดังนั้น ตราบที่แนวโน้มหลักตลาดหุ้นยังเป็นขาขึ้น เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อๆ ขายๆ มากเพราะจะทำให้กองทุนเสียค่า Commission ให้โบรกเกอร์ไปเปล่าๆ และเป็นการขายแพงเพื่อไปซื้อที่แพงกว่า

2) Security selection (การเลือกหุ้น) เราดูทั้ง Top down + Bottom up

Top down คือการหา Investment theme โดยมีมุมมองที่ยาวไกลมากกว่าจะเห็นอะไรที่ชัดในระยะสั้น แล้วจึงเฟ้นหาหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Theme ดังกล่าว

Bottom up คือการคัดเลือกหุ้น เราดูที่...

> ด้านคุณภาพ - ดูโมเดลธุรกิจ ดูความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว / Brand /ผู้บริหาร

> ด้านปริมาณ - หา Value stock สำหรับการลงทุนระยะยาวมากๆ + Under-owned (มีคนถือครองน้อย) + Under-covered (คนอื่นยังไม่ค้นพบ) เพราะสุดท้ายหุ้นอย่างนี้จะเป็นที่สนใจในวันหนึ่งข้างหน้า และตลาดจะรับรู้คุณค่าที่แท้ จริงในที่สุด นอกจากนี้ ก็ต้องมีความสามารถในการทำกำไรของสินทรัพย์ มีความแข็งแรงของงบดุลที่เป็นทั้งตัวเกื้อหนุน (cushion / margin of safety) และตัวเพิ่มโอกาสในขยายกำไรให้สูงขึ้นได้ ซึ่งเราจะ Valuation หา Fair value ของหุ้นนั้นๆ โดยเทียบกับหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันด้วย

จะเห็นได้ว่าการสร้างพอร์ตลงทุนให้กองทุนของเราล้วนมาจากการมีกระบวนการคิดวิเคราะห์และคัดสรร (Thinking and selection process) กับมี Teamwork ที่ดีในการช่วยกันหา Idea ใหม่ และ Share idea กัน รวมถึงทบทวนข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนั้น พวกเรายังมี Element of LUCK (Labour Under Correct Knowledge) หรือการทำงานภายใต้ความรู้ที่ถูกต้อง อีกด้วย

ที่ผ่านมาบัวหลวงทศพลให้ผลตอบแทนในรอบ 10 ปี (ข้อมูลปี 2546-2555) มากกว่ากองทุนหุ้นอันดับ 2-10 อย่างก้าวกระโดด (ซึ่งก็เป็นของค่ายบัวหลวงอีก 6 กองทุน) ก็เพราะทศพลลงทุนหุ้นเพียง 10 ตัว ทำให้แต่ละตัวเวลาลงทุนมีน้ำหนักกว่า market weight มาก ทำให้ได้ผลตอบแทนเนื้อๆ เมื่อตลาดยอมจ่ายให้กับมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นที่เราลงทุนให้ทศพล

หากยึดติดทฤษฎีเก่า บางคนอาจคิดว่าลงทุนแค่ 10 ตัวมันน้อยไป และมีความเสี่ยงในการกระจุกตัวในหุ้นแค่ 10 ตัว เรียกว่าเสี่ยงสูงกว่าเมื่อเทียบกับกองทุนอื่นที่อาจลงทุนถึง 25-50 ตัว แต่การที่เราเข้าใจโมเดลธุรกิจของหุ้นที่เราลงทุน ประกอบกับประเมินมูลค่าที่แท้จริงได้ถูกต้องเหมาะสม นั่นก็เพียงพอแล้ว เพราะมันลดความเสี่ยงไปในตัว ที่สำคัญคือเรามีความอดทนในหุ้นที่ลงทุน แม้จะถูกมองว่า “แตกฝูง” ไปบ้าง

สรุปคือ เราเน้นการลงทุนระยะกลาง-ยาว และเราไม่ได้เน้นว่าจะต้องชนะ SET แต่เราคาดหวังผลตอบแทนการหุ้นที่เราเลือกลงทุนมากกว่า ซึ่งเราเชื่อว่าสุดท้ายตลาดจะรับรู้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น และในที่สุดผลตอบแทนที่ดีจะเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่อดทนรอคอยได้อย่างไม่หวั่นไหว


กำลังโหลดความคิดเห็น