บลจ.อเบอร์ดีน ปรับพอร์ตกองทุนผสมรับภาวะตลาดเน้นบอนด์ 65% หุ้น 35% พร้อมมอง ศก.ไทยปีนี้โตระดับ 5% และคาดขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ขณะที่เงินยังไหลเข้าทั้งตลาดบอนด์และหุ้น
นายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมามีการเติบโตในระดับสูงกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ โดยมีปัจจัยหลักมาจากการบริโภคภายในประเทศที่สูงทั้งจากภาครัฐและเอกชน แต่ภาคการส่งออกมีไม่สูง ซึ่งมองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2556 นี้ จะมีการเติบโตต่อไปได้จากนโยบายของภาครัฐที่ยังมีต่อเนื่อง แต่การส่งออกจะไม่สูงเหมือนในปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงมองว่าในปี 2556 จีดีพี ของไทยจะมีการเติบโตอยู่ที่ระดับ 5% เงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 3.5% และเชื่อว่าทางธนคารแห่งประเทศไทยจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อยอีก 0.25% ในช่วงไตรมาสที่ 3 หรือ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ และเป็นการขึ้นในอัตราที่ไม่กระทบต่อการปล่อยสินเชื่อมากนัก
โดยในปีนี้เงินยังไหลเข้ามาที่เอเชียอย่างต่อเนื่อง เป็นเงินที่ย้ายจากกองทุนตราสารตลาดเงินที่ให้ผลตอบแทนต่ำมาลงทุนในหุ้น และตราสารหนี้ที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง และยังมองว่ามาตรการ QE ของสหรัฐฯ จะยังไม่ยอกเลอกในช่วง 6-9 เดือนนี้ เพราะยังต้องการให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการเติบโตได้อย่างแท้จริง
“ตราสารหนี้ของไทยยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจจากต่างประเทศ จึงมองว่าในปีนี้ต่างชาติจะยังเข้าถือตราสารหนี้ไทยมากกว่าในประเทศ ซึ่งยังให้ผลตอบแทนในระดับประมาณ 3% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ขณะที่เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นแต่ไม่มากเท่ากับประเทศอื่นในภูมิภาค”นายพงค์ธารินกล่าว
น.ส.รัตนวรรณ แสงกิติโกมล ผู้จัดการกองทุนตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังมีการบิรโภคในประเทศและการลงทุน ทดแทนภาคการส่งออกได้ บริษัทจดทะเบียนยังมีผลประกอบการที่ดีและมีงบการเงินที่แข็งแกร่ง และไม่ได้รับผลกระทบจากประเทศที่มีปัญหาเศรษฐกิจอีกแล้ว ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยจึงปรับตัวให้ผลตอบแทนที่สูงในปีที่ผ่านมาและต่อเนื่องมาจนถึงช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ด้วย ขณะเดียวกัน มองว่าระดับ P/E ของหุ้นไทยยังไม่สูงยังสามารถปรับเพิ่มขึ้นไปได้อีก รวมทั้งการจ่ายปันผลที่สูงซึ่งเป็นปัจจัยให้เงินยังไหลเข้าหุ้นไทย
นายพงค์ธาริน ยังกล่าวว่า จากภาวะของตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นดังกล่าว บลจ.อเบอร์ดีนจึงมีการปรับพอร์ตการลงทุนในกองทุนเปิด อเบอร์ดีน แวลู ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่ลงทุนในตราสารหนี้และหุ้นไทย โดยปรับสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มเป็น 65% และลงทุนในหุ้นเพียง 35% จากเดิมที่ลงทุนในตราสารหนี้ 35% และหุ้น 65% โดยสัดส่วนของตราสารหนี้ที่ลงทุนเป็นตราสารหนี้ของภาครัฐทั้งในและต่างประเทศ และที่เหลือเป็นตราสารหนี้ที่ไม่ใช่ภาครัฐ ขณะที่สัดส่วนของหุ้นนั้น ให้น้ำหนักในกลุ่มพลังงาน กลุ่มแบงก์ กลุ่มการบริโภคในประเทศ