บลจ.ไทยพาณิชย์ ประเมินปัจจัยหนุนเอื้อลงทุนพันธบัตรภาครัฐของตลาดเกิดใหม่ ส่งกองทุน “ไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่” ไอพีโอเปิดขายแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 6 มีนาคม 2556
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดตราสารหนี้กลุ่มตลาดเกิดใหม่ มีความน่าลงทุนมากขึ้นเนื่องจากสภาพการลงทุนในตลาดโลกที่ดีขึ้นทำให้นักลงทุนกล้าที่จะถือครองสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ประกอบกับมีแนวโน้มเงินทุนไหลเข้าที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้ตลาดเกิดสภาพคล่องมากขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมามีเงินทุนไหลเข้ากลุ่มตลาดเกิดใหม่สูงเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ความกดดันทางด้านเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานและสภาพเศรษฐกิจมีแนวโน้มสูงทุกปี สกุลเงินท้องถิ่นมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์สหรัฐ ตลอดจนความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเสนอขายกองทุนใหม่ที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของตลาดเกิดใหม่ คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ (SCB Emerging Markets Bond FUND หรือ SCBEMBOND) มูลค่า 2,000 ล้านบาท เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ถึง 6 มีนาคม 2556 ด้วยเงินลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ได้แก่ กองทุน Emerging Markets Investment Grade Debt Fund (กองทุนหลัก) ชนิดหน่วยลงทุน “I share class” ลงทุนด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศลักเซมเบอร์ก (Luxembourg) ซึ่งบริหารจัดการโดย Investec Asset Management Limited และอยู่ภายใต้ UCITS (มาตรฐานเพื่อการซื้อขายกองทุนข้ามประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป : Undertaking for Collective Investments in Transferable Securities) ที่มีนโยบายลงทุนเพื่อบรรลุผลตอบแทนในระยะยาว เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่ออกในสกุลเงินท้องถิ่นของกลุ่มในประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) และมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารในระดับลงทุนได้ (investment grade) โดยให้น้ำหนักการลงทุนในประเทศ บราซิล, มาเลเซีย, เม็กซิโก ซึ่งกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารที่มีคุณภาพและสภาพคล่อง
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่จะลงทุนในกองทุนดังกล่าวเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนจะลงทุนหรือมีไว้ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินในสกุลเงินต่างประเทศที่กองทุนถืออยู่เทียบกับสกุลเงินบาท ณ ขณะใดขณะหนึ่ง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ