บลจ.ฟินันซ่าชี้ทิศทางดอกเบี้ยคงไม่ลด แนะลงทุนตราสารหนี้อายุไม่ยาวมาก เผยพร้อมให้บริการระบบงานทะเบียนทันทีหาก กอช.มีผลบังคับใช้
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริาทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันระบบงานทะเบียนกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ที่บริษัทเป็นผู้บริหารนั้นมีความพร้อมทุกอย่างสามารถที่จะใช้งานได้ทันทีหาก กอช.เปิดให้มีการรับสมาชิกเข้ามา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการเรื่องของการเชื่อมต่อระบบนายทะเบียนของบริษัทเข้ากับระบบของธนาคารที่จะเป็นผู้ทำหน้าที่รับสมัครสมาชิกทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารกรุงไทย ซึ่งในกรณีของธนาคารกรุงไทยนั้นอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็จะต้องทำเรื่องไปถึงทาง ธปท.ด้วยเช่นกันในเรื่องของการเชื่อมต่อระบบดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันหากภาครัฐจะผลักดันให้ กอช.มีผลบังคับใช้ทันที งานระบบทะเบียนของบริษัทเองก็มีความพร้อมที่จะรองรับได้เลยเช่นกัน เพราะสามารถจะออกเป็นใบนำฝากเงิน (Pay -in) ให้สมาชิกเพื่อไปฝากเงินที่ธนาคารได้เลย ในแง่ของงานระบบทะเบียนบริษัทมีความพร้อมแล้วในวันนี้
“บริษัทมีระบบงานทะเบียนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยในปัจจุบันและทำให้บริษัทได้รับคัดเลือกให้บริหารงานทะเบียนของ กอช.ในครั้งนี้ และยังมีบริษัทอีกหลายแห่งที่สนใจในเรื่องระบบงานทะเบียนของบริษัทด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนของการทำทางเลือกการลงทุน (Employee’s Choices) ของบริษัทนั้นสามารถให้สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเลือกผสมการลงทุนได้เองแบบอิสระเลย ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจาก บลจ.อื่นค่อนข้างชัดเจน” นายธีรพันธุ์กล่าว
นางศันสนีย์ หุตานุวัตร รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่สายงานลงทุน บลจ.ฟินันซ่า กล่าวว่า ปัจจุบันดอกเบี้ยของประเทศเศรษฐกิจหลักของโลกยังทรงตัวในระดับต่ำเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่ทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1 วัน) ของไทยเองก็มีแนวโน้มที่จะไม่ลงต่อแล้วเพราะอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ประกาศออกมาก็น่าพอใจจนมีการปรับประมาณการเติบโตเศรษฐกิจขึ้นอีก ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็ยังไม่น่ากังวล อัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันหากไม่นับรวมปัจจัยในการดูแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเชื่อว่าคงไม่ลดดอกเบี้ยแล้ว เพราะในส่วนของการดูแลค่าเงินบาทเองการลดดอกเบี้ยลงมาแค่ 0.25% นั้นคงไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไร น่าจะเป็นการมองหามาตรการอื่นออกมาเพื่อดูแลเรื่องของค่าเงินบาทมากกว่า เช่น ส่งเสริมให้นำเงินไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น
“การจะปรับลงดอกเบี้ยปัจจัยในต่างประเทศคงต้องส่งสัญญาณที่แย่ลงซึ่งโอกาสเกิดขึ้นค่อนข้างน้อยในปัจจุบัน ด้วยแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยดังกล่าวการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้จึงไม่ควรล็อกยาวมากนัก ช่วงอายุต่ำกว่า 1 ปียังคงน่าสนใจ รวมถึงกองทุนตราสารตลาดเงินเองก็ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับเงินฝากกองทุนตราสารหนี้ของบริษัทที่ออกมาก็ไม่เคยให้ผลตอบแทนน้อยกว่า บลจ.อื่นในอุตสาหกรรมเช่นเดียวกัน สำหรับนักลงทุนที่สนใจก็สามารถลงทุนได้” นางศันสนีย์กล่าว