ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ (CFA, FRM, CAIA)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ จำกัด
ในปี 2555 มีนักลงทุนหลายท่านพยายามจะคาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) โดยหวังว่าจะสามารถลงทุนในช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงมาในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นคือนักลงทุนหลายท่านที่อดทนรอจนกระทั่งถึงเดือน ธ.ค.กลับต้องลงทุนตอนดัชนีเกือบ 1,400 จุด จากที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งน่าจะใกล้เคียงหรืออยู่ในระดับสูงที่สุดของปี 2555 เลยทีเดียว
โดยความเห็นส่วนตัวของผม การคาดการณ์ดัชนีนั้นเป็นไปได้ยากมาก หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ไม่มีใครสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของดัชนีได้อย่างแม่นยำจริงๆ ซึ่งผมคิดว่าการทยอยลงทุนเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ดีสำหรับการลงทุนในหุ้น เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบปีที่แล้ว
การลงทุน LTF หรือ RMF อย่างสม่ำเสมอนั้นมีข้อดีหลายอย่าง เช่น
1) นักลงทุนมีโอกาสกระจายความเสี่ยงไปตามช่วงเวลาการลงทุนต่างๆ ทั้งนี้การลงทุนในรูปแบบนี้จะทำให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลว่าจะซื้อของแพงหรือว่าถูก (เพราะซื้อทุกเดือนและจะได้รับราคาเฉลี่ยแทน)
2) การลงทุนแบบสม่ำเสมอนั้นถือว่าเป็นการลงทุนโดยใช้หลักของ Dollar Cost Average (DCA) ซึ่งการลงทุนภายใต้หลักการนี้จะทำให้เรามักจะลงทุนถูกจังหวะเสมอ กล่าวคือ ในสภาวะที่หุ้นแพงเราจะซื้อหุ้นได้จำนวนน้อย แต่ในช่วงเวลาที่หุ้นถูกเราจะได้ของจำนวนมาก
3) นักลงทุนหลายท่านที่ไม่ยอมลงทุนมาก่อนล่วงหน้า พอถึงเดือนสุดท้ายอาจจะมีสภาพคล่องไม่เพียงพอ ดังนั้นเพื่อที่จะทำให้การบริหารจัดการเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นักลงทุนควรจะลงทุนตั้งแต่ต้นปี
4) การลงทุนด้วยรูปแบบดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนมีวินัยในการออมและการลงทุน ซึ่งจะตรงกับหลักการของการ “เก็บออมก่อน และใช้จ่ายทีหลัง”
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าการลงทุนอย่างสม่ำเสมอนั้นช่วยให้นักลงทุนสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาในช่วงระยะเวลาต่างๆ ได้ นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างวินัยในการลงทุนอีกด้วย ซึ่งผมมักจะแนะนำผู้ลงทุนเสมอเมื่อมีโอกาส โดย บลจ.วรรณมีโปรแกรมลงทุนแบบอัตโนมัติ (Automatic Millionaire Program) ที่ทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนแบบสม่ำเสมอทุกๆ เดือน ในจำนวนเงินที่เท่ากัน ดังนั้นนักลงทุนจะสามารถกระจายความเสี่ยงโดยไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดการลงทุนในแต่ละเดือน
มาลองดูตัวอย่างของการลงทุนแบบสม่ำเสมอผ่านโปรแกรม Automatic Millionaire Program โดยในตัวอย่างนี้จะใช้กองทุน 1AMSET50 ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นของ บลจ.วรรณ โดยสมมติให้มีการลงทุนตั้งแต่ปี 2546 โดยเริ่มลงทุนครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2546 และลงทุนตลอดทุกเดือนทุกวันแรกของเดือนจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. 2555 รวมเวลาการลงทุนประมาณ 8 ปี
วันแรกที่ลงทุน NAV ของ 1AMSET50 เท่ากับ 12.0184 บาท ณ วันที่ 4 ก.ย. 2547
NAV ที่แพงที่สุดของ 1AMSET50 เท่ากับ 37.9663 ณ วันที่ 3 ธ.ค. 2555
NAV ที่ถูกที่สุดของ 1AMSET50 เท่ากับ 9.3882 ณ วันที่ 1 ธ.ค. 2551
NAV เฉลี่ย 8 ปี เท่ากับ 16.4298 บาท
กำไรจากการลงทุน 131.08% (ณ วันที่ 3 ธ.ค. 55)
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่านักลงทุนมีการลงทุนตลอดไม่ว่า NAV จะสูงหรือต่ำ ดังนั้นราคาที่นักลงทุนได้รับจะเป็นราคาเฉลี่ย
อย่างไรก็ตาม การลงทุนแบบเฉลี่ยโดยใช้โปรแกรม AMP นั้นก็อาจจะไม่เหมาะกับทุกคน เพราะอาจจะมีนักลงทุนหลายๆ ท่านที่มีความมั่นใจในเรื่องของ Market Timing ในการลงทุน ทั้งนี้ ถ้านักลงทุนสามารถคาดเดา Market Timing ได้อย่างแม่นยำและถูกต้องก็มีโอกาสได้กำไรมากกว่าการลงทุนใน AMP
การลงทุนแบบสม่ำเสมอ เช่น โปรแกรม AMP นี้ไม่ใช่เครื่องมือที่จะรับประกันว่านักลงทุนจะไม่ขาดทุน แต่เป็นเครื่องมือการลงทุนที่จะช่วยกระจายความเสี่ยงของช่วงเวลาการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ อยากแนะนำให้ท่านพิจารณาใช้เครื่องมือนี้ให้เป็นประโยชน์กับตลาดหุ้นบ้านเราในปีนี้กันครับ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ จำกัด
ในปี 2555 มีนักลงทุนหลายท่านพยายามจะคาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) โดยหวังว่าจะสามารถลงทุนในช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงมาในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นคือนักลงทุนหลายท่านที่อดทนรอจนกระทั่งถึงเดือน ธ.ค.กลับต้องลงทุนตอนดัชนีเกือบ 1,400 จุด จากที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งน่าจะใกล้เคียงหรืออยู่ในระดับสูงที่สุดของปี 2555 เลยทีเดียว
โดยความเห็นส่วนตัวของผม การคาดการณ์ดัชนีนั้นเป็นไปได้ยากมาก หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ไม่มีใครสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของดัชนีได้อย่างแม่นยำจริงๆ ซึ่งผมคิดว่าการทยอยลงทุนเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ดีสำหรับการลงทุนในหุ้น เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบปีที่แล้ว
การลงทุน LTF หรือ RMF อย่างสม่ำเสมอนั้นมีข้อดีหลายอย่าง เช่น
1) นักลงทุนมีโอกาสกระจายความเสี่ยงไปตามช่วงเวลาการลงทุนต่างๆ ทั้งนี้การลงทุนในรูปแบบนี้จะทำให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลว่าจะซื้อของแพงหรือว่าถูก (เพราะซื้อทุกเดือนและจะได้รับราคาเฉลี่ยแทน)
2) การลงทุนแบบสม่ำเสมอนั้นถือว่าเป็นการลงทุนโดยใช้หลักของ Dollar Cost Average (DCA) ซึ่งการลงทุนภายใต้หลักการนี้จะทำให้เรามักจะลงทุนถูกจังหวะเสมอ กล่าวคือ ในสภาวะที่หุ้นแพงเราจะซื้อหุ้นได้จำนวนน้อย แต่ในช่วงเวลาที่หุ้นถูกเราจะได้ของจำนวนมาก
3) นักลงทุนหลายท่านที่ไม่ยอมลงทุนมาก่อนล่วงหน้า พอถึงเดือนสุดท้ายอาจจะมีสภาพคล่องไม่เพียงพอ ดังนั้นเพื่อที่จะทำให้การบริหารจัดการเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นักลงทุนควรจะลงทุนตั้งแต่ต้นปี
4) การลงทุนด้วยรูปแบบดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนมีวินัยในการออมและการลงทุน ซึ่งจะตรงกับหลักการของการ “เก็บออมก่อน และใช้จ่ายทีหลัง”
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าการลงทุนอย่างสม่ำเสมอนั้นช่วยให้นักลงทุนสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาในช่วงระยะเวลาต่างๆ ได้ นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างวินัยในการลงทุนอีกด้วย ซึ่งผมมักจะแนะนำผู้ลงทุนเสมอเมื่อมีโอกาส โดย บลจ.วรรณมีโปรแกรมลงทุนแบบอัตโนมัติ (Automatic Millionaire Program) ที่ทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนแบบสม่ำเสมอทุกๆ เดือน ในจำนวนเงินที่เท่ากัน ดังนั้นนักลงทุนจะสามารถกระจายความเสี่ยงโดยไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดการลงทุนในแต่ละเดือน
มาลองดูตัวอย่างของการลงทุนแบบสม่ำเสมอผ่านโปรแกรม Automatic Millionaire Program โดยในตัวอย่างนี้จะใช้กองทุน 1AMSET50 ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นของ บลจ.วรรณ โดยสมมติให้มีการลงทุนตั้งแต่ปี 2546 โดยเริ่มลงทุนครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2546 และลงทุนตลอดทุกเดือนทุกวันแรกของเดือนจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. 2555 รวมเวลาการลงทุนประมาณ 8 ปี
วันแรกที่ลงทุน NAV ของ 1AMSET50 เท่ากับ 12.0184 บาท ณ วันที่ 4 ก.ย. 2547
NAV ที่แพงที่สุดของ 1AMSET50 เท่ากับ 37.9663 ณ วันที่ 3 ธ.ค. 2555
NAV ที่ถูกที่สุดของ 1AMSET50 เท่ากับ 9.3882 ณ วันที่ 1 ธ.ค. 2551
NAV เฉลี่ย 8 ปี เท่ากับ 16.4298 บาท
กำไรจากการลงทุน 131.08% (ณ วันที่ 3 ธ.ค. 55)
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่านักลงทุนมีการลงทุนตลอดไม่ว่า NAV จะสูงหรือต่ำ ดังนั้นราคาที่นักลงทุนได้รับจะเป็นราคาเฉลี่ย
อย่างไรก็ตาม การลงทุนแบบเฉลี่ยโดยใช้โปรแกรม AMP นั้นก็อาจจะไม่เหมาะกับทุกคน เพราะอาจจะมีนักลงทุนหลายๆ ท่านที่มีความมั่นใจในเรื่องของ Market Timing ในการลงทุน ทั้งนี้ ถ้านักลงทุนสามารถคาดเดา Market Timing ได้อย่างแม่นยำและถูกต้องก็มีโอกาสได้กำไรมากกว่าการลงทุนใน AMP
การลงทุนแบบสม่ำเสมอ เช่น โปรแกรม AMP นี้ไม่ใช่เครื่องมือที่จะรับประกันว่านักลงทุนจะไม่ขาดทุน แต่เป็นเครื่องมือการลงทุนที่จะช่วยกระจายความเสี่ยงของช่วงเวลาการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ อยากแนะนำให้ท่านพิจารณาใช้เครื่องมือนี้ให้เป็นประโยชน์กับตลาดหุ้นบ้านเราในปีนี้กันครับ
